ก้าวเข้าสู่ครึ่งหลังของปี 2025 คลื่นความตื่นตะลึงของ Generative AI ที่เคยซัดสาดวงการธุรกิจในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้เริ่มสงบลงและเผยให้เห็นภูมิทัศน์ใหม่ที่ชัดเจนขึ้น บทสนทนาในห้องประชุมของผู้บริหารไม่ได้วนเวียนอยู่กับคำถามว่า “จะวัดผลการลงทุน AI ได้อย่างไร?” หรือ “เราจะสร้าง Chatbot มาตอบคำถามลูกค้าได้อย่างไร?” อีกต่อไป
คำถามที่เฉียบคมและสำคัญกว่านั้นในวันนี้คือ “AI กำลังเปลี่ยนแปลง ‘แก่น’ ในการสร้างคุณค่าและโมเดลการสร้างรายได้ของธุรกิจเราอย่างไร?”
เพราะความจริงที่ปรากฏชัดแล้วก็คือ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือชิ้นใหม่ในกล่องเครื่องมือเดิม แต่มันคือ “เครื่องยนต์” ชนิดใหม่โดยสิ้นเชิง ที่กำลังขับเคลื่อนการปฏิวัติโมเดลธุรกิจอย่างเงียบๆ และรุนแรง ผู้ที่ไม่เข้าใจการเปลี่ยนแปลงนี้ จะไม่ได้แค่ตามหลังคู่แข่ง แต่อาจถูกผลักออกจากเส้นทางไปเลย
จุดสิ้นสุดของความได้เปรียบแบบเดิมๆ
โมเดลธุรกิจที่เคยใช้ได้ผลมานานหลายทศวรรษ กำลังถูกสั่นคลอนจากความสามารถของ AI ในการทำให้ “งานที่ต้องใช้สติปัญญา” (Cognitive Tasks) กลายเป็นเรื่องพื้นฐานที่มีราคาถูกลงอย่างมหาศาล ความได้เปรียบจากการเข้าถึงข้อมูล, การมีผู้เชี่ยวชาญ, หรือกระบวนการทำงานที่ซับซ้อน กำลังถูกลดทอนคุณค่าลงอย่างรวดเร็ว
Satya Nadella, CEO ของ Microsoft, ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจไว้ว่า AI จะเป็นเหมือน “ไฟฟ้า” ที่แทรกซึมเข้าไปในทุกกระบวนการทำงาน (the very fabric of our work) เมื่อไฟฟ้ากลายเป็นของพื้นฐาน เราไม่ได้แข่งกันที่ “ใครมีไฟฟ้าใช้” แต่แข่งกันที่ “ใครสร้างสรรค์นวัตกรรมบนไฟฟ้าได้ดีที่สุด” เช่นเดียวกันในยุคนี้ เมื่อ “สติปัญญา” (Intelligence) กลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่าย การแข่งขันจึงย้ายไปสู่สนามใหม่: สนามแห่งการออกแบบโมเดลธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วย AI (AI-Native Business Models)
นี่คือ 3 เสาหลักของโมเดลธุรกิจแห่งอนาคตที่ผู้นำทุกคนต้องทำความเข้าใจ
เสาหลักที่ 1: จากการขาย ‘ซอฟต์แวร์’ สู่การขาย ‘ผลลัพธ์’ (The RaaS Revolution)
โมเดลที่ทรงพลังที่สุดในยุคซอฟต์แวร์คือ Software-as-a-Service (SaaS) ที่ลูกค้าจ่ายค่าสมาชิกเพื่อ “เข้าถึงเครื่องมือ” แต่ AI กำลังผลักดันให้เกิดวิวัฒนาการขั้นต่อไป นั่นคือ Results-as-a-Service (RaaS)
ในโมเดล RaaS ลูกค้าไม่ได้จ่ายเงินเพื่อใช้แพลตฟอร์ม แต่จ่ายเงินสำหรับ “ผลลัพธ์ทางธุรกิจ” ที่จับต้องได้โดยตรง ซึ่ง AI เป็นผู้ขับเคลื่อนเบื้องหลัง ลองนึกภาพตาม:
- บริษัท MarTech แทนที่จะขายแพลตฟอร์มอีเมลอัตโนมัติ ก็เปลี่ยนมาขาย “จำนวน Leads คุณภาพที่พร้อมปิดการขาย” ในราคาต่อหัว โดยใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูล, คัดกรอง, และสร้างแคมเปญที่เหมาะสมที่สุดเอง
- บริษัท FinTech แทนที่จะขายแอปวิเคราะห์หุ้น ก็เปลี่ยนมาขาย “ผลตอบแทนจากการลงทุนที่เหนือกว่าตลาด” โดยคิดค่าธรรมเนียมเป็นเปอร์เซ็นต์ของกำไร ซึ่งขับเคลื่อนด้วย AI ที่บริหารพอร์ตให้อัตโนมัติ
- บริษัทด้านการศึกษา แทนที่จะขายคอร์สเรียนออนไลน์ ก็เปลี่ยนมาขาย “การการันตีว่าผู้เรียนจะสอบผ่านหรือได้งาน” โดยใช้ AI จัดหลักสูตรและติวเข้มส่วนบุคคลแบบไดนามิก
AI ทำให้โมเดล RaaS เป็นไปได้ เพราะมันสามารถคาดการณ์ (Predict), ลงมือทำ (Execute), และวัดผล (Measure) ได้อย่างแม่นยำและเป็นอัตโนมัติ นี่คือการเปลี่ยนสมการจาก “เราให้เครื่องมือคุณ” ไปเป็น “เราสร้างผลลัพธ์ให้คุณ”
เสาหลักที่ 2: ‘คูเมือง’ ใหม่คือ ‘วงจรข้อมูล’ ไม่ใช่ ‘ป้อมปราการ’ (The AI Moat is a Flywheel)
ความได้เปรียบทางการแข่งขัน หรือ “คูเมือง” (Moat) แบบดั้งเดิม เช่น แบรนด์ที่แข็งแกร่ง, เครือข่ายการจัดจำหน่าย, หรือสิทธิบัตร ยังคงสำคัญ แต่กำลังถูกท้าทายโดย “คูเมือง AI” ที่มีพลวัตสูงกว่ามาก
คูเมืองใหม่นี้ไม่ใช่กำแพงหรือป้อมปราการที่สร้างแล้วจบ แต่มันคือ “วงจรข้อมูล” หรือ Data Flywheel ที่หมุนเร็วขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งประกอบด้วย 4 ขั้นตอนสำคัญ:
- Proprietary Data: เริ่มต้นด้วยข้อมูลเฉพาะทางที่มีคุณภาพซึ่งคู่แข่งไม่มี
- Better Model: ใช้ข้อมูลนั้นสร้างโมเดล AI ที่มีความสามารถเหนือกว่า
- Better Product: นำโมเดลนั้นไปฝังในผลิตภัณฑ์หรือบริการ ทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม
- More Users & Data: ผลิตภัณฑ์ที่ดีดึงดูดผู้ใช้มากขึ้น ซึ่งผู้ใช้เหล่านี้ก็สร้างข้อมูลใหม่ๆ ป้อนกลับเข้ามาในระบบ ทำให้วงจรข้อที่ 1 แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก
Andrew Ng, หนึ่งในผู้บุกเบิกวงการ AI, เน้นย้ำปรัชญา “Data-Centric AI” ซึ่งชี้ให้เห็นว่าคุณภาพของ “ข้อมูล” ที่ป้อนเข้าวงจรนั้นสำคัญกว่า “ความซับซ้อนของอัลกอริทึม” เสียอีก องค์กรที่ประสบความสำเร็จคือองค์กรที่หมกมุ่นกับการสร้างและปรับปรุงวงจรข้อมูลนี้ให้ไร้เทียมทาน เพราะมันคือสินทรัพย์ที่ลอกเลียนแบบได้ยากที่สุด
เสาหลักที่ 3: ตลาดของคนคนเดียว (Hyper-Personalization at Scale)
AI กำลังทำลายแนวคิดเรื่อง “Mass Market” และสร้างสิ่งที่เรียกว่า “ตลาดของคนคนเดียว” (Market of One) ให้กลายเป็นจริงในทุกอุตสาหกรรม นี่ไม่ใช่แค่การแนะนำสินค้าที่คล้ายกับของที่เคยซื้อ แต่มันคือการ “สร้าง” ผลิตภัณฑ์หรือบริการขึ้นมาใหม่แบบเรียลไทม์เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแต่ละรายโดยเฉพาะ
เช่น ในธุรกิจ B2B แทนที่จะเสนอขายโซลูชันแพ็กเกจ A, B, C ระบบ AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้า แล้วสร้างข้อเสนอโซลูชัน D ที่ออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาของบริษัทนั้นโดยเฉพาะ หรือในวงการแพทย์ AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลพันธุกรรม, ไลฟ์สไตล์, และประวัติการรักษา เพื่อสร้าง “แผนการป้องกันและรักษาส่วนบุคคล” ที่ไม่ใช่แค่การรักษาตามอาการทั่วไป
นี่คือการเปลี่ยนจากการเป็น “ผู้ผลิต” (Producer) ไปสู่การเป็น “ผู้สร้างสรรค์ร่วม” (Co-creator) กับลูกค้า โดยมี AI เป็นตัวกลางที่ทำให้การสร้างสรรค์ในระดับที่ซับซ้อนและเฉพาะเจาะจงนี้เกิดขึ้นได้ในวงกว้าง
มุมมองจากห้องเครื่อง: ผู้นำกำลังสร้าง ‘โรงงาน AI’
แล้วองค์กรจะสร้างโมเดลธุรกิจเหล่านี้ให้เป็นจริงได้อย่างไร? Jensen Huang, CEO ของ NVIDIA, ได้ให้ภาพที่ชัดเจนที่สุดผ่านวิสัยทัศน์เรื่อง “AI Factories”
เขาเปรียบเทียบว่าในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม เราสร้างโรงงานเพื่อผลิต “พลังงาน” ในยุค AI เราต้องสร้าง “โรงงาน” เพื่อผลิต “สติปัญญา” เช่นกัน โรงงาน AI นี้ไม่ได้หมายถึงอาคาร แต่คือสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์, ซอฟต์แวร์, และข้อมูล ที่ทำงานร่วมกันเพื่อเปลี่ยนข้อมูลดิบให้กลายเป็น “ปัญญา” ที่พร้อมใช้งานในทุกส่วนขององค์กร
แนวคิดนี้ยังเชื่อมโยงกับ “Sovereign AI” หรืออธิปไตยทางปัญญาประดิษฐ์ ที่เขาเชื่อว่าทั้งบริษัทและประเทศจำเป็นต้องเป็นเจ้าของ “ปัจจัยการผลิตปัญญา” ของตนเอง เพื่อความมั่นคงและอิสระในการสร้างสรรค์นวัตกรรม นี่คือการยกระดับ AI จากเรื่องของฝ่าย IT ให้กลายเป็นวาระเชิงกลยุทธ์ระดับสูงสุดขององค์กร
บทสรุป: คุณจะเป็น ‘สถาปนิก’ หรือ ‘ผู้เช่า’ ?
การเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนโดย AI กำลังบีบให้ผู้นำทุกคนต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ คุณจะเลือกเป็น “สถาปนิก” ที่ออกแบบและสร้างโมเดลธุรกิจ AI-Native ของคุณเองอย่างกล้าหาญ หรือจะเลือกเป็นเพียง “ผู้เช่า” ที่ใช้ชีวิตอยู่ในระบบนิเวศที่สร้างโดยคนอื่น ไม่ว่าจะเป็น OpenAI, Google, หรือ Microsoft?
คำตอบของคำถามนี้ จะเป็นตัวกำหนดชะตากรรมขององค์กรคุณในทศวรรษข้างหน้า เพราะในยุคใหม่นี้ ความสำเร็จไม่ได้วัดกันที่ขนาดขององค์กร แต่วัดกันที่ความเร็วในการเรียนรู้และปรับตัวเพื่อเขียนกฎของเกมขึ้นมาใหม่
บทความอ้างอิง:
- Huang, J. (2024). GTC 2024 Keynote Address. NVIDIA Corporation. (Summarizing themes of AI Factories and Sovereign AI).
- Ng, A. (2021). A Chat with Andrew on MLOps: From Model-centric to Data-centric AI. DeepLearning.AI. https://www.deeplearning.ai/blog/a-chat-with-andrew-on-mlops-from-model-centric-to-data-centric-ai/
- Davenport, T. H., & Ronanki, R. (2018). Artificial Intelligence for the Real World. Harvard Business Review. https://hbr.org/2018/01/artificial-intelligence-for-the-real-world
How we can help
Fill out the form below to discuss your needs or learn more about our services
"*" indicates required fields