ทำไม AI Google Search ถึงรู้ว่าต้องแสดงผลคำตอบอย่างไรให้ตรงโจทย์กับสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการ สงสัยหรือไม่ว่า AI ทำงานอย่างไรให้ Google รู้ว่าเว็บไซต์ไหนควรอยู่อันดับ 1
แทบจะเรียกว่าไร้คู่แข่งไปแล้วก็ว่าได้กับ Search Engine ตัวพ่อของวงการอย่าง Google ที่ถือครองตำแหน่งอันดับ 1 ของ Market Share อยู่ที่ 98.92% มาแล้วกว่า 10 ปี อ้างอิง
นี่อาจเป็นหลักฐานที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในเหตุผลที่ความสำเร็จของ Google อยู่ยั้งยืนยงคือการสร้างประสบการณ์ใช้งานที่ดีให้กับผู้ใช้สมสโลแกนที่ว่า “Google ค้นหาอะไรก็เจอ”
แต่ด้วยเหตุผลอะไรกันที่ทำให้ Google Search รู้ว่าต้องแสดงผลคำตอบอย่างไรให้ตรงโจทย์กับสิ่งที่ผู้ใช้ต้องการ ?
การใช้งาน AI (Artificial Intelligent) คือรหัสลับความสำเร็จของ Google
AI เป็นคำเรียกกว้างๆของ Smart Technologies หรือ เทคโนโลยีชาญฉลาดที่สามารถเรียนรู้และพัฒนาความสามารถได้ด้วยตัวเอง เช่น Machine Learning, Voice Search, Image Recognition ซึ่งเมื่อจักรกลเหล่านี้ได้ผ่านการฝึกฝนโดยมนุษย์ ก็จะสามารถทำงานได้อย่างเป็นอิสระและสามารถเรียนรู้ผลลัพธ์จากการกระทำของตัวเองเพื่อพัฒนาขีดความสามารถได้ดีขึ้นเมื่อระยะเวลาผ่านไป
สิ่งที่ทำให้เทคโนโลยี AI ฉลาดปราดเปรื่องเช่นนี้เป็นเพราะว่า AI สามารถมองหารูปแบบของดาต้าได้อย่างเยี่ยมยอด จากนั้นจึงทำนายผลลัพธ์ขึ้นจากรูปแบบหรือแพทเทิร์นเหล่านั้น การทำนายของ AI บน Search Engine อาจเกี่ยวข้องกับอะไรก็ได้เช่น
- สินค้าอะไรที่ผู้คนกำลังจะซื้อ
- เนื้อหาแบบไหนที่ผู้คนอยากอ่าน
- ผู้คนกำลังจะเขียนเกี่ยวกับอะไร ด้วยภาษาอะไร
- ผู้คนกำลังสื่ออะไร และควรตอบกลับอย่างไรให้เหมาะสม
เมื่อ AI ทำนายผลได้แล้วก็จะเรียนรู้จากผลลัพธ์เหล่านั้นเพื่อพัฒนาความเก่งกาจให้มากขึ้นไปอีก ทำให้ AI กลายเป็นซอฟต์แวร์พื้นฐานที่หลายๆ Search Engine นิยมใช้ในปัจจุบัน
ใน 1 วินาทีมีผู้คนเสิร์ชหาสิ่งต่างๆกว่า 63,000 คำถาม แน่นอนว่าด้วยจำนวนที่มากขนาดนี้ไม่มีทางที่มนุษย์ธรรมดาจะสามารถแสดงผลคำตอบได้ทันทั้งหมด แม้แต่ซอฟต์แวร์ทั่วไปก็ไม่สามารถมองหารูปแบบของดาต้าและสร้างผลทำนายออกมาได้
จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม Search Engine จึงต้องอาศัยศักยภาพของ AI ในการทำสิ่งเหล่านี้
- เข้าไป index หน้าเว็บทั้งหมดและทำความเข้าใจเนื้อหาของแต่ละเว็บ
- ทำความเข้าใจภาษามนุษย์เพื่อตีความคำค้นหา (Search Queries)
- จับคู่คำค้นหาเข้ากับผลลัพธ์ที่แม่นยำและมีคุณภาพมากที่สุด
- ประเมินคุณภาพเนื้อหาบนเว็บเพื่อพัฒนาการแสดงผลคำตอบ (Search Results)
เลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
AI ใช้ทำอะไรบน Search Engine
AI ถูกใช้จัดอันดับเว็บไซต์ (Search Rankings)
Search Engine อย่าง Google พึ่งพา AI อย่างมากในการตัดสินใจว่าควรให้เนื้อหาอันไหนอยู่ในอันดับหน้าแรก อัลกอริทึมที่ใช้งานโดยระบบ AI นี้มีกฏเกณฑ์หลากหลายว่าจะให้ความสำคัญกับเนื้อหาอย่างไร ตั้งแต่คีย์เวิร์ดที่เลือกใช้ในคอนเทนต์ไปจนถึงประสบการณ์ใช้งานที่เกิดขึ้นกับผู้ใช้ โดย Google จะเป็นผู้ไกด์แนวทางให้อัลกอรึทึมรู้ว่าอะไรคือสาระสำคัญที่ควรให้น้ำหนักมากน้อยลดหลั่นกันไป
AI ถูกใช้ทำความเข้าใจคำถามต่างๆ (Search Queries)
Search Engines เป็นเพียงโปรแกรมคอมพิวเตอร์เท่านั้น ซึ่งไม่สามารถเข้าใจภาษามนุษย์ได้พอที่จะค้นหาข้อมูลต่างๆ มาแสดงผลได้ เพราะการจะเลือกเนื้อหามานำเสนอให้ตรงกับความต้องการจำเป็นอย่างมากที่จะต้องเข้าใจว่าจริงๆ แล้วผู้คนกำลังอยากรู้อะไรกันแน่ ซึ่งจะทำได้ก็ด้วยการใช้งาน Natural Language Processing (NLP) หรือ AI ที่ทำงานเพื่อเข้าใจภาษาเขียนของคนธรรมดาอย่างเราๆ นั่นเอง
AI ถูกใช้เพื่อควบคุมคุณภาพ (Quality Control)
เมื่อรู้อย่างคร่าวๆ ว่า AI ทำงานอย่างไรเพื่อจัดอันดับเว็บไซต์ จึงไม่แปลกที่จะพบว่ามีวิธีการมากมายที่หลายๆ เว็บไซต์ใช้วิธี “เทาๆ” ในการพยายามทำให้เว็บไซต์ตัวเองขึ้นไปอยู่หน้าแรก อย่างการยัดคีย์เวิร์ดมหาศาลลงไปในเนื้อหา (Keyword Stuffing) และ การทำเนื้อหาหลบซ่อน (Cloaking) แน่นอนว่า “ความพยายาม” เหล่านี้ ย่อมส่งผลต่อประสิทธิภาพของ Search Engine เพราะทำให้เนื้อหาที่โผลมาหน้าแรกอาจไม่ได้มีคุณภาพดีพอ เป็นที่มาให้ Google มีการอัปเดต AI ให้สามารถคัดกรองเนื้อหาที่มีคุณภาพมาแสดงผลและปัดตกเว็บไซต์เทาๆ ให้ตกอันดับไป
Google รู้ได้ยังไงว่าเว็บไซต์ไหนควรอยู่อันดับ 1
ทุกวันนี้ คำถามที่ว่า Google Algorithms ทำงานอย่างไรกันแน่ก็ยังคงเป็นปริศนาลับที่มีแต่คนในเท่านั้นที่รู้ ซึ่งในฐานะผู้พิชิตอย่างคนทำ SEO จึงต้องหมั่นติดตามการอัปเดตอัลกอริทึมอย่างใกล้ชิดกันต่อไป (Timeline การอัปเดต Google Search Algorithms ปี 2022) การทำความเข้าใจว่า AI ตัดสินใจจากอะไรว่าเนื้อหาแบบไหนควรแสดงผลและจะแสดงผลอย่างไรจึงเป็นบันไดขั้นแรกของคนทำ SEO มาดูกันดีกว่ามี AI ตัวไหนบ้างที่เราควรให้ความสนใจ
Rankbrain
AI ที่เป็นหัวใจหลักของระบบจัดอันดับเว็บไซต์บน Google โดยการเข้าไปทำความเข้าใจว่าระหว่าง Words กับ Concepts มีความเชื่อมโยงกันอย่างไร หัวข้อไหนที่เกี่ยวข้องกับคำที่ผู้คนค้นหา เพื่อพัฒนาความแม่นยำและหลีกเลี่ยงความสับสนจากหัวข้อที่ดูคล้ายกันแต่จริงๆ แล้วมีความหมายคนละอย่าง เมื่อ Rankbrain เข้าใจถึงความเชื่อมโยงก็จะเลือกเว็บไซต์ที่ไขข้อสงสัยได้ดีที่สุดไว้บนหน้าแรก
BERT
BERT (Bidirectional Encoder Representations from Transformers) คือ AI ที่เข้าใจภาษาคนว่าคำต่างๆ ที่มนุษย์ค้นหาบนหน้า Google ที่จริงแล้วมีความหมาย (Meanings) และ จุดประสงค์ (Intent) ต้องการรู้อะไรกันแน่และจัดอันดับเว็บไซต์ตามความเกี่ยวข้องของเนื้อหามาไว้บนหน้าแรก เพราะที่ผ่านมา Google อาจใช้วิธีจับเป็นคำๆ ก่อนนำมาแสดงผล แต่ BERT ที่เป็น AI รูปแบบ Natural Language Procession (NLP) สามารถเข้าใจภาษาคนได้เป็นธรรมชาติมากกว่าโดยการเรียนรู้จากทั้งประโยคที่ใช้ค้นหาเพื่อนำเสนอผลลัพธ์ได้อย่างแม่นยำ
MUM
(Multitask Unified Model) AI ที่ทรงพลังขึ้นมาอีกขั้นจาก BERT เพราะเข้าใจคำค้นหาได้ทั้ง บริบทแวดล้อมและ Search Intent ไปพร้อมกัน สามารถเรียนรู้ภาษามนุษย์กว่า 75 ภาษาทั่วโลกรวมถึงมีความเข้าใจข้อมูลข่าวสารและสร้างภูมิความรู้เกี่ยวกับโลกผ่านทั้งข้อความและรูปภาพ และซัพพอร์ตการทำงานของ AI RankBrain และ BERT ในการจัดอันดับเว็บไซต์คุณภาพ
AI กับ SEO แนวทางการปั้นเว็บไซต์ขึ้นสู่หน้าแรก
ความสัมพันธ์ระหว่าง Search Engine และ SEO เป็นแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกัน เพราะ Google มีขึ้นเพื่อค้นหาสิ่งที่ผู้คนต้องการคำตอบ ในขณะที่ Search Engine Optimization (SEO) ก็เป็นการทำเว็บไซต์ให้ผู้คนค้นหาเจอเช่นกัน ซึ่งต้องยอมรับว่าการทำให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จักคือหนึ่งในเป้าหมายหลักของการลงทุนทำ SEO และยิ่งอันดับเว็บไซต์ขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้นเท่าไหร่ก็ย่อมเพิ่มโอกาสที่ผู้ใช้จะพบเจอเว็บไซต์และเข้ามายังหน้าเว็บมากขึ้นเท่านั้น แน่นอนว่าที่ Predictive เรามีบริการทำ SEO ที่ครอบคลุมตั้งแต่
- Strategy & Keyword Planning โดยการวางกลยุทธ์การทำ SEO ตั้งแต่แรกเริ่มเพื่อให้ธุรกิจของคุณไปถึงฝั่งฝัน การวิเคราะห์ Keyword ด้วย Keyword Research รวมทั้งการทำ SEO Audit และ Competitive Analysis เพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถลำดับความสำคัญการดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- On-Page Optimization ตั้งแต่การ Audit Site Structure จัดทำ Template Guideline เพื่อวางแนวทางการทำ SEO ไปจนถึง SEO On-Page Optimization
- Content Scope การผลิตคอนเทนต์คุณภาพเพื่อเพิ่ม Search Visibility ให้กับ Website
- On-Page Improvement Implementations จัดทำ Template Guideline เพื่อให้การทำ SEO เกิดผลสำเร็จ
- Off-Page Planning & Analysis ตรวจสอบคุณภาพและประสิทธิภาพการทำ Backlinks วิเคราะห์คู่แข่งเพื่อให้ธุรกิจของคุณอยู่เหนือกว่า รวมถึงวางแผนการทำ Backlinks ในอนาคต
- Monitoring, Analysis, & Reporting การติดตามผลการทำ SEO อย่างต่อเนื่อง วิเคราะห์สถานการณ์และผลลัพธ์การทำ SEO และรายงานผลสรุปเพื่อให้ธุรกิจของคุณเห็นภาพรวมทั้งหมด
ใครที่กำลังหนักใจกับ Traffic ที่ไม่เพิ่มขึ้นสักที หรือ ต้องการที่จะทำอันดับเว็บไซต์ให้สูงขึ้นกว่าเดิม หากต้องการทีม SEO คุณภาพมาช่วย Optimize เว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม สามารถติดต่อ Predictive เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย และเรายินดีให้คำปรึกษาเบื้องต้นฟรี
ที่มาข้อมูล : Blog.Google
Get in touch
Let's work together!
"*" indicates required fields