เคยสงสัยไหมว่าทำไมบางแคมเปญถึงประสบความสำเร็จมากกว่าแคมเปญอื่น? ฟีเจอร์ใหม่ของ Google Analytics 4 อย่าง Customer Match สามารถช่วยขยายการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น โดยการใช้ข้อมูล first-party (ข้อมูลที่ได้มาจากการโต้ตอบโดยตรงระหว่างธุรกิจกับลูกค้า ซึ่งหมายถึงข้อมูลที่ธุรกิจเก็บรวบรวมจากลูกค้าในช่องทางที่ลูกค้ายินยอมให้ เช่น อีเมล, ชื่อ, ข้อมูลการซื้อสินค้า เป็นต้น) ที่คุณมี
เลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
ทำความรู้จักกับ Customer Match ใน Google analytics 4
Customer Match คือ ฟีเจอร์ที่ช่วยให้นักการตลาดสามารถใช้ข้อมูลลูกค้าที่มีอยู่ เช่น อีเมล หมายเลขโทรศัพท์ เพื่อช่วยให้นักการตลาดสามารถใช้ข้อมูลลูกค้าของตนเองที่เรียกว่า “first-party data” ในการสร้างกลุ่มเป้าหมายเฉพาะ (Custom Audiences) เพื่อแสดงโฆษณาที่เหมาะสมบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ของ Google เช่น Google Ads, YouTube, และ Gmail การผสานรวมนี้ช่วยเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้มากขึ้นโดยการใช้ข้อมูล first-party เมื่อไม่สามารถใช้ตัวระบุแบบดั้งเดิม เช่น คุกกี้ของบุคคลที่สาม (third-party cookies)
ประเภทของข้อมูลที่ใช้ใน Customer Match:
● ที่อยู่อีเมล: เป็นตัวระบุหลักที่ใช้ในการจับคู่ลูกค้าของคุณกับฐานข้อมูลผู้ใช้ของ Google
● ชื่อ: สามารถใช้ชื่อเต็ม หรือชื่อและนามสกุลร่วมกันได้
● ที่อยู่: รวมถึงรายละเอียดต่างๆ เช่น ที่อยู่ถนน, เมือง, รัฐ และรหัสไปรษณีย์ ช่วยให้แน่ใจว่าคุณกำลังเข้าถึงบุคคลที่ถูกต้อง
● หมายเลขโทรศัพท์: คล้ายกับที่อยู่อีเมล หมายเลขโทรศัพท์สามารถใช้เป็นตัวระบุที่ไม่ซ้ำกันสำหรับลูกค้าของคุณ
เมื่อคุณให้ข้อมูลเหล่านี้ใน Google Analytics จะสามารถระบุกลุ่มลูกค้าของคุณบนแพลตฟอร์มของ Google ได้ และคุณสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อสร้างแคมเปญโฆษณาที่ตรงกลุ่มเป้าหมายบนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Google Ads
ขั้นตอนการเปิดใช้งาน Customer Match ใน Google Analytics
ขั้นตอนการเปิดใช้งาน Customer Match ใน Google Analytics มีดังนี้:
- ตั้งค่าการรวบรวมข้อมูลที่ลูกค้าให้มาในบัญชี Analytics ของคุณ: ขั้นตอนแรกคือการตั้งค่าบัญชี Google Analytics ของคุณเพื่อรวบรวมข้อมูล first-party จากลูกค้า ซึ่งรวมถึงอีเมล, ชื่อ, ที่อยู่, และหมายเลขโทรศัพท์ คุณต้องมั่นใจว่ามีกระบวนการในการรวบรวมข้อมูลเหล่านี้และลูกค้าให้ความยินยอมในการใช้ข้อมูลนี้เพื่อวัตถุประสงค์ในการโฆษณา
- เชื่อมต่อบัญชี Analytics ของคุณกับผลิตภัณฑ์โฆษณาของ Google: ขั้นตอนนี้คือการเชื่อมต่อบัญชี Google Analytics ของคุณกับแพลตฟอร์มโฆษณาของ Google เช่น Google Ads เพื่อให้สามารถโอนข้อมูลกลุ่มเป้าหมายจาก Analytics ไปยังแคมเปญโฆษณาของคุณได้อย่างราบรื่น
- เปิดใช้งานการตั้งค่าโฆษณาที่ปรับแต่งได้: การตั้งค่านี้ช่วยให้ Google ใช้ข้อมูลที่คุณรวบรวมเพื่อปรับแต่งโฆษณาสำหรับลูกค้าของคุณ การเปิดใช้งานตัวเลือกนี้เป็นสิ่งสำคัญในการทำให้ Customer Match ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ปรับแต่งกลุ่มเป้าหมายที่มีอยู่เพื่อใช้ข้อมูล Customer Match: หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนก่อนหน้า คุณต้องปรับแต่งการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่มีอยู่ใน Google Analytics เพื่อใช้ข้อมูล Customer Match ที่คุณอัปโหลด ซึ่งจะช่วยให้แคมเปญของคุณสามารถเจาะจงกลุ่มลูกค้าที่คุณต้องการได้อย่างแม่นยำ
วิธีการใช้ฟีเจอร์ Customer Match เพื่อดึงดูดลูกค้าเดิมและขยายฐานลูกค้าใหม่
Customer Match ใน Google Analytics ช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าเดิมอีกครั้งและขยายฐานลูกค้าใหม่โดยการสร้างกลุ่มเป้าหมายที่มีพฤติกรรมหรือความสนใจคล้ายคลึงกับลูกค้าปัจจุบันของคุณ (Lookalike Audiences) ซึ่งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญโฆษณาของคุณได้ ดังนี้:
ดึงดูดลูกค้าเดิม (Attracting Existing Customers)
- แคมเปญ Retargeting: ใช้ Customer Match สร้างแคมเปญโฆษณาเพื่อเข้าถึงลูกค้าที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับธุรกิจของคุณ ตัวอย่างเช่น:
- ลูกค้าที่เคยซื้อสินค้า: เตือนพวกเขาถึงแบรนด์ของคุณและกระตุ้นให้กลับมาซื้อซ้ำ
- ลูกค้าที่ทิ้งสินค้าในรถเข็น: ส่งข้อเสนอพิเศษเพื่อกระตุ้นให้พวกเขากลับมาดำเนินการสั่งซื้อให้เสร็จสมบูรณ์
- ลูกค้าที่เยี่ยมชมหน้าสินค้าเฉพาะ: แสดงสินค้าและโปรโมชั่นที่เกี่ยวข้องเพื่อดึงดูดความสนใจอีกครั้ง
- ข้อความที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคล: ใช้ข้อมูลลูกค้าที่ได้จาก Customer Match เพื่อสร้างข้อความโฆษณาและสื่อที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น:
- เรียกชื่อหรืออ้างถึงสินค้าที่พวกเขาแสดงความสนใจมาก่อน
- สร้างข้อความที่ตรงกับความสนใจหรือพฤติกรรมการซื้อที่ผ่านมาของพวกเขา
- โปรแกรมสร้างความภักดี (Loyalty Programs): ใช้ Customer Match ระบุลูกค้าที่ภักดีและมอบข้อเสนอหรือโปรโมชั่นเฉพาะเพื่อรักษาความสัมพันธ์และกระตุ้นให้พวกเขากลับมาซื้อซ้ำอีกครั้ง
ขยายการเข้าถึงลูกค้าใหม่ (Expanding Reach to New Customers)
- กลุ่มเป้าหมายที่คล้ายกัน (Lookalike Audiences): ใช้ข้อมูลจาก Customer Match เพื่อวิเคราะห์ลักษณะของลูกค้าปัจจุบันและค้นหาผู้ใช้ใหม่ที่มีพฤติกรรมหรือความสนใจคล้ายคลึงกัน
- Similar Audiences ใน Google Ads: Google Ads มีฟีเจอร์ที่เรียกว่า Similar Audiences ซึ่งสร้างกลุ่มเป้าหมายใหม่โดยอิงจากรายชื่อรีมาร์เก็ตติ้งที่มีอยู่ ช่วยให้คุณสามารถขยายการเข้าถึงไปยังผู้ใช้ใหม่ที่มีความคล้ายคลึงกับลูกค้าปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้าใน Customer Match
ความสำคัญของความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้าที่ใช้ใน Customer Match โดย Google ได้ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยหลักดังนี้:
- การแฮชข้อมูล (Data Hashing):
ก่อนที่ข้อมูลลูกค้าจะถูกส่งไปยัง Google ข้อมูลจะผ่านกระบวนการแฮชที่ปลอดภัย ซึ่งจะเปลี่ยนข้อมูลให้เป็นชุดตัวอักษรที่ไม่สามารถถอดรหัสกลับมาเป็นข้อมูลต้นฉบับได้ง่าย กระบวนการนี้ช่วยให้ข้อมูลที่ถูกส่งไปยัง Google มีความปลอดภัยสูง แม้ในกรณีที่ข้อมูลถูกดักจับ - มาตรการรักษาความปลอดภัยระดับอุตสาหกรรม:
Google ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เป็นมาตรฐานชั้นนำในอุตสาหกรรม เช่น การเข้ารหัสข้อมูลที่เข้มงวด ศูนย์ข้อมูลที่มีความปลอดภัยสูง และการควบคุมการเข้าถึงอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการเข้าถึงหรือการโจมตีข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต - การรักษาความลับของข้อมูล (Data Confidentiality):
Google ให้ความสำคัญกับการรักษาความลับของข้อมูลลูกค้า โดยข้อมูลทั้งหมดที่ใช้ผ่าน Customer Match จะถูกใช้เฉพาะเพื่อการสร้างแคมเปญโฆษณาที่ตรงเป้าหมายเท่านั้น และจะไม่ถูกแชร์กับบุคคลภายนอกโดยไม่ได้รับความยินยอมจากลูกค้า - การปฏิบัติตามข้อบังคับด้านความเป็นส่วนตัว:
Google ปฏิบัติตามข้อบังคับด้านความเป็นส่วนตัวที่เกี่ยวข้อง เช่น GDPR และ CCPA โดยครอบคลุมถึง:- การขอความยินยอมจากผู้ใช้สำหรับการเก็บและใช้ข้อมูล
- การเปิดเผยข้อมูลการใช้งานข้อมูลอย่างโปร่งใส
- การให้สิทธิ์ผู้ใช้งานในการควบคุมข้อมูลส่วนตัวของพวกเขา
สรุป การใช้งานในเชิงกลยุทธ์ พร้อมตัวอย่างการใช้งานจริงของฟีเจอร์ Customer Match
การสร้างปฏิสัมพันธ์ใหม่กับลูกค้าเดิม
- กระตุ้นคำสั่งซื้อที่ถูกทิ้งไว้
สมมติว่าร้านค้าอีคอมเมิร์ซที่ขายเสื้อผ้า มีลูกค้าเพิ่มสินค้าในตะกร้าแล้วออกจากเว็บไซต์ก่อนที่จะทำการซื้อเสร็จสมบูรณ์ ร้านค้าสามารถใช้ Customer Match สร้างแคมเปญโฆษณาที่เจาะจงไปยังลูกค้าเหล่านั้น แสดงสินค้าที่พวกเขาทิ้งไว้ในตะกร้า พร้อมเสนอส่วนลดพิเศษหรือการจัดส่งฟรีเพื่อกระตุ้นให้พวกเขากลับมาซื้อสินค้า - โปรโมตสินค้าชุดใหม่ให้กับลูกค้าเดิม:
บริษัทเปิดตัวผลิตภัณฑ์ดูแลผิวรุ่นใหม่ สามารถใช้ Customer Match ระบุลูกค้าที่เคยซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจากบริษัท และสร้างโฆษณาที่เน้นประโยชน์ของผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมเสนอส่วนลดพิเศษหรือสิทธิ์การเข้าถึงก่อนใคร เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเดิมลองผลิตภัณฑ์ใหม่ - กระตุ้นลูกค้าที่ห่างหายไปนาน:
บริการกล่องสมัครสมาชิกสำหรับสินค้าสัตว์เลี้ยงพบว่ามีลูกค้าบางกลุ่มไม่ได้ต่ออายุการสมัครสมาชิกในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สามารถใช้ Customer Match สร้างแคมเปญโฆษณาแบบเฉพาะเจาะจง เพื่อเตือนลูกค้าเหล่านี้ถึงประโยชน์ที่เคยได้รับ พร้อมเสนอสิทธิพิเศษเพื่อกระตุ้นให้พวกเขากลับมาสมัครสมาชิก
การขยายฐานลูกค้าใหม่
- การกำหนดเป้าหมายกลุ่มที่มีลักษณะคล้ายกัน (Lookalike Audiences):
การสร้าง Lookalike Audiences เป็นฟังก์ชันทั่วไปในแพลตฟอร์มโฆษณาที่รองรับ Customer Match เช่น บริษัทขายผลิตภัณฑ์อาหารออร์แกนิกสามารถใช้ Customer Match เพื่อระบุลูกค้าที่มีมูลค่าสูงที่สุด จากนั้นสร้าง Lookalike Audience ในแพลตฟอร์มโฆษณา (เช่น Google Ads) เพื่อกำหนดเป้าหมายผู้ใช้ใหม่ที่มีลักษณะและความสนใจคล้ายกับลูกค้ากลุ่มนี้ ช่วยให้บริษัทเข้าถึงผู้ที่มีโอกาสสนใจสินค้าของตนได้มากขึ้น
การเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญและข้อมูลเชิงลึก
- การปรับกลยุทธ์การเสนอราคาด้วย Smart Bidding:
โดยการผสาน Customer Match กับ Smart Bidding ใน Google Ads สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของงบโฆษณาได้ อัลกอริทึมของ Smart Bidding ใช้ข้อมูลจากรายการ Customer Match เพื่อปรับราคาประมูลแบบเรียลไทม์ เช่น หากระบบระบุว่าลูกค้าในรายการใดมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนใจเป็นลูกค้ามากขึ้น ระบบสามารถเพิ่มราคาประมูลอัตโนมัติเพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะการประมูลและได้ลูกค้าที่มีคุณค่า - การเข้าใจลูกค้าเชิงลึกมากขึ้น:
การผสานข้อมูล Customer Match กับ Google Analytics ช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้าได้ครอบคลุมมากขึ้น เช่น การวิเคราะห์ว่ากลุ่มลูกค้าต่างๆ โต้ตอบกับเว็บไซต์หรือแอปของคุณอย่างไร ค้นหารูปแบบพฤติกรรม และปรับกลยุทธ์การตลาดให้เหมาะสม ตัวอย่างเช่น คุณอาจพบว่าลูกค้าที่ได้มาจากช่องทางการตลาดเฉพาะมีแนวโน้มที่จะซื้อซ้ำมากกว่า ข้อมูลนี้สามารถนำไปใช้ในการจัดสรรทรัพยากรให้ช่องทางนั้น หรือปรับข้อความโฆษณาเพื่อเจาะจงกลุ่มลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
Customer Match เป็นฟีเจอร์ใน Google Analytics 4 ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถใช้ข้อมูลลูกค้า (First-Party Data) เพื่อทำแคมเปญรีมาร์เก็ตติ้งได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการดึงดูดลูกค้าเก่า เพิ่มการซื้อซ้ำ หรือขยายฐานลูกค้าใหม่ผ่านการสร้างกลุ่มเป้าหมายที่มีพฤติกรรมคล้ายคลึงกับลูกค้าปัจจุบัน นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญด้วยการผสานการทำงานกับ Smart Bidding และการสร้างข้อความโฆษณาที่ตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น หรือหากอยากลดค่าใช้จ่ายของแคมเปญในโฆษณา สามารถลองใช้ Predictive audience เข้ามาช่วยในการตัดสินใจได้เช่นกัน
หากคุณสนใจว่า Google Analytics 4 สามารถช่วยยกระดับธุรกิจของคุณได้อย่างไร สามารถกรอกแบบฟอร์มด้านล่าง พร้อมระบุปัญหาที่คุณกำลังเผชิญ เพื่อให้ทีม Predictive ติดต่อกลับและให้คำปรึกษาได้เลยค่ะ!
แหล่งที่มา https://support.google.com/analytics/answer/15606276?hl=en
Get in touch
Let's work together!
"*" indicates required fields