ปี 2019 ทาง Google ประกาศเปิดตัว Google Analytics สำหรับ App + Web ซึ่งในการเปิดตัวครั้งนี้ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของการเก็บข้อมูล จากเดิมที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก
รูปแบบของการเก็บข้อมูลใน Google Analytics จะเน้นไปที่เว็บไซต์เป็นหลัก ตัวอย่างค่าวัดผลหรือ metric ของการเก็บข้อมูลในเว็บที่นักการตลาดรู้จักกันเป็นอย่างดี คือ Session ซึ่งจะหมายถึงจำนวนครั้งที่ผู้ใช้งานเข้ามาเว็บเว็บไซต์ก่อนที่จะกดปิดหน้าเว็บไป แต่ในปัจจุบันผู้ใช้งานสามารถเข้าใช้งานได้ทั้งเว็บและแอปพลิชัน รูปแบบของการเก็บข้อมูลจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนไปจากเดิม
เลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
Google Analytics App + Web มาพร้อมกับ Data Model ใหม่
ข้อมูลมีกระบวนการที่สำคัญหลักๆอยู่ คือ การประมวลผล และการจัดการข้อมูล ซึ่งแน่นอนว่า Data Model ใหม่ ที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้นั้น ก็มีผลต่อข้อมูลที่จะถูกจัดเก็บและนำไปประมวลผลด้วยเช่นกัน
- Data Model ใหม่มีข้อมูล 2 ระดับ คือ
Users > Event - Google Analytics data model เดิม มีข้อมูล 3 ระดับ คือ
Users > Sessions > Hits
ซึ่งจะสามารถอธิบายได้จากแผนภาพด้านล่างนี้
จากภาพด้านบนจะเห็นว่าระดับของ data model นั้นจะถูกเปลี่ยนจาก 3 ระดับ (Uers > Sessions > Hit) เป็น 2 ระดับ (Users > Event) และการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะเน้นไปที่ผู้ใช้งานและการเกิดกิจกรรม (Event) ต่างๆภายในเว็บหรือแอปพลิชัน อาทิ ช่วงของ event หนึ่งไปหา event หนึ่งระหว่างนี้จะมี event ใดๆ เกิดขึ้น เช่น site search, file download, video view เป็นต้น
เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น นั่นไม่ได้หมายความว่า sessions จะไม่สามารถหาได้ใน Google Analytics App + Web ซึ่งถ้าหากว่าต้องการคำนวนหาจำนวน sessions แบบเดิม จะต้องใช้ BigQuery ในการช่วยคำนวนหา sessions
ส่วนในเรื่องของ Source / Medium / Campaign และอื่นๆ นั้นจะไม่ถูกลบออกไป โดยค่าพื้นฐานต่างๆเหล่านี้ยังมีอยู่เช่นเดิม ซึ่งการเปลี่ยน data model ในครั้งนี้จะหมายถึงการเน้นการวิเคราะห์ข้อมูลไปที่ Users ไม่ใช่เน้นที่ Sessions
ทำไม Google ถึงจำเป็นต้องการเปลี่ยนแปลงมาใช้ Data Model ใหม่
Data Model ปัจจุบันนั้นยึดที่ sessions เป็นหลักซึ่งรูปแบบของการวิเคราะห์ข้อมูลนั้นจะเน้นไปที่การที่ผู้ใช้งาน (Users) ดูข้อมูลที่หน้า Landing Page ใด ซึ่งจะแตกต่างจาก Data Model ใหม่ที่จะเน้นไปที่ผู้ใช้งาน (Users) โฟกัสหรือเกิดกิจกรรมอะไรบ้าง (Event) และเน้นที่เรื่องของการวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงลึกมากขึ้น
TIP: Google Analytics data model ที่มีอยู่นั้น ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อการวัดผลการใช้งานอินเตอร์เน็ตในปัจจุบัน ที่ผู้ใช้งานมีการใช้งานอุปกรณ์ทั้งบนคอมพิวเตอร์และบนโทรศัพท์มือถือ
Data Model ใหม่จะมีประโยชน์อย่างไร?
การใช้ Data Model ใหม่นี้มีความยืดหยุ่นมากขึ้นรวมถึงความสามารถในการเก็บข้อมูลระหว่างเว็บและแอปพลิเคชัน ซึ่งการวัดผลใหม่นี้จะเป็นรูปแบบเดียวกับการที่เราใช้งานอินเตอร์เน็ตในปัจจุบัน
และนั้นหมายถึงการวัดผลของ Data Model ใหม่นี้จะไม่จำกัดในเรื่องของกรอบเวลาอีกต่อไป (Time windows)
Google Analytics App + Web ใหม่นี้ จะช่วยให้เราวิเคราะห์และเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นจากผู้ใช้งาน รวมไปถึงการคาดการว่าผู้ใช้งานจะทำอะไรต่อไป ซึ่ง Data Model ใหม่นี้ช่วงให้ข้อมูลของเรานั้นมีประสิทธิ์ภาพยิ่งขึ้น
ตารางเปรียบเทียบ Google Analytics ระหว่าง Standard และ App+Web
หัวข้อ | Google Analytics Standard | Google Analytics ‘App+Web’ |
Data Model | เน้นไปที่ sessions ที่มีกิจกรรม (Hits) ต่างๆที่เกิดขึ้นและรวมเป็นผู้ใช้งาน (Users) | เน้นที่ผู้ใช้งาน (Users) และกิจกรรมต่างๆที่เกิดขึ้น (Event) |
Data Streams | ไม่มี ปัจจุบันต้องสร้างแยกกันระหว่าง Property สำหรับแอปพลิเคชัน และ Property สำหรับเว็บ | เชื่อมแหล่งข้อมูลได้ทั้งของแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ |
Baseline Measurement(แกะข้อมูลออกมา) | Pageviews / Screenviews | Pageviews / Screenviewsตั้งค่าการวัดเพิ่มได้ (Enhanced measurement) – Scroll depth – ดาวน์โหลดไฟล์ – กดลิงค์ไปนอกเว็บ – Youtube engagement |
Engagement Tracking | Bounce rateTime on sitePages per session | Engaged sessions – ผู้ใช้งานที่อยู่ในเว็บหรือแอปพลิชันเกิน 10 วินาทีEngagement RateEngaged sessions per userEngagement time – เวลาในการในการใช้แอปพลิชัน |
Sampling | ใช่ | ไม่ใช่ Sampling data แต่จำกัดปริมาณการใช้งาน |
Historical Data Limit | ไม่มี | ปัจจุบันสามารถดูข้อมูลผ่าน User Interface ได้มากถึง 14 เดือนไม่จำกัดจำนวนข้อมูลที่เก็บลง BigQuery |
Ecommerce Measurement | ใช้ Enhanced Ecommerce tracking | ยังไม่มี, คาดว่าจะมีในเร็วๆนี้ |
Updated code base | Universal Analytics, UA ID, UA-XXXXX-Y | Gtag, Measurement ID, G-XXXXXXX |
Session/User analysis | Segments | Audiences |
Native connection to BigQuery | เฉพาะลูกค้า Google Analytics 360 | สามารถดึง export ข้อมูลเข้าได้รายวัน |
Event Hierarchy | ใช้ Event Category / Event Label / Event Action | แทนที่ด้วยโครงสร้างแบบ flat event. |
Custom Metrics | ใช่ | แทนที่ด้วย Event |
Custom Dimensions | ใช่ | แทนที่ด้วย User Properties และ Event Parameter |
Views | มี | ไม่มี View |
View filters | มี | ปัจจุบันยังไม่สามารถ Filter ได้สามารถ Filter ได้ผ่านการสร้าง Report |
IP Anonymization | ไม่ใช่ค่าพื้นฐาน แต่สามารถตั้งค่าเพิ่มเติมได้ | ตั้งเป็นพื้นฐาน (Set by default) |
Funnels | เฉพาะผู้ใช้งาน Google Analytics 360 | มี |
Segment Overlap | เฉพาะผู้ใช้งาน Google Analytics 360 | มี |
Pathing | มีข้อจำกัดในการวิเคราะห์ | มี และรวมไปถึงการวิเคราะห์แบบย้อนกลับไปได้ |
User Explorer | มี | มี |
สรุป
แน่นอนว่า Data Model ใหม่นี้นั้นไม่นานก็จะนำมาแทนที่รูปแบบของ Data Model ในปัจจุบันอย่างแน่นอน ซึ่งอย่างไรก็ตามถ้าหากว่ามีการเก็บข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือเหมาะสม หรือทีหลายๆคนคุ้นเคยกับคำว่า “Garbage in, garbage out” และถ้าหากว่าข้อมูลนั้นๆ ไม่สามารถก่อให้เกิดผลลัพท์ทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะทำให้เสียโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจอย่างแน่นอน
ถ้าหากสนใจสอบถาม App + Web นั้น สามารถติดต่อ ปรึกษา เพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่นี่ Contact us คลิก!
Get in touch
Let's work together!
"*" indicates required fields