เปลี่ยนผู้เข้าชมเว็บไซต์ให้เป็นลูกค้า

ทำไมลูกค้าเข้าเว็บไซต์แล้วไม่ซื้อสินค้าของคุณ? คำตอบอยู่ที่นี่ เปลี่ยนผู้เข้าชมเว็บไซต์ให้เป็นลูกค้า

แทบทุกธุรกิจในปัจจุบันล้วนแต่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เพราะเว็บไซต์นั้นมีประโยชน์ในหลายๆ ด้าน เช่น ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจ อีกทั้งยังเป็นช่องทางสำคัญในการเชื่อมต่อกับลูกค้า โดยธุรกิจสามารถนำเสนอข้อมูลสินค้าและบริการได้อย่างครบถ้วน นอกจากนี้ เว็บไซต์ยังเป็นพื้นที่ที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาข้อมูล การซื้อขายออนไลน์ หรือการติดต่อสอบถาม

อย่างไรก็ตาม หากธุรกิจมีเว็บไซต์แต่ข้อมูลไม่ครบถ้วน การออกแบบทำให้เกิดความสับสน หรือเว็บไซต์ใช้งานยาก สิ่งเหล่านี้อาจทำให้ผู้เยี่ยมชมเกิดประสบการณ์ไม่ดีตั้งแต่ครั้งแรก และอาจเปลี่ยนใจไม่กลับมาใช้บริการอีก การออกแบบเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย เข้าถึงข้อมูลได้สะดวก และนำเสนอประสบการณ์ที่ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความประทับใจและกระตุ้นให้ผู้เยี่ยมชมเปลี่ยนเป็นลูกค้า

การใส่ใจในการดูแลและพัฒนาเว็บไซต์ให้ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ แต่ยังช่วยเสริมสร้างการเติบโตของธุรกิจในยุคดิจิทัลอีกด้วย

เลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ

เหตุผลหลักที่เว็บไซต์ไม่สามารเปลี่ยนผู้เข้าชมเป็นลูกค้าได้

เหตุผลที่ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ไม่ทำการเปลี่ยนเป็นลูกค้าได้นั้นมีหลากหลายสาเหตุ ดังนี้

ปัญหาด้านการออกแบบเว็บไซต์และประสบการณ์ผู้ใช้

ตัวอย่าง การออกแบบเว็บไซต์ที่ไม่ค่อยดีในมุมของ web development
ตัวอย่าง การออกแบบเว็บไซต์ที่ไม่ค่อยดีในมุมของ web development
  • การจัดลำดับความสำคัญที่ไม่ชัดเจน: เมื่อเว็บไซต์ขาดลำดับความสำคัญทางภาพที่ชัดเจน ผู้เยี่ยมชมอาจหาข้อมูลที่ต้องการไม่พบหรือไม่เข้าใจวิธีการที่ต้องดำเนินการต่อเพื่อทำการเปลี่ยนเป็นลูกค้า ส่วนสำคัญอย่างเช่นปุ่มคำกระตุ้นหรือฟอร์มควรโดดเด่นทางสายตาและชี้นำผู้เยี่ยมชมไปสู่การกระทำที่ต้องการ
  • layout ที่รกเกินไปและมีสิ่งรบกวน: เว็บไซต์ที่มีองค์ประกอบมากเกินไปที่ดึงดูดความสนใจ อาจทำให้ผู้เยี่ยมชมรู้สึกว่ามีสิ่งรบกวนและยากต่อการโฟกัสไปที่เป้าหมายหลัก ส่งผลให้เกิดความไม่พอใจและเลิกใช้เว็บไซต์
  • การนำทางที่ซับซ้อน: หากเว็บไซต์มีการนำทางที่ซับซ้อนหรือเข้าใจยาก ผู้เยี่ยมชมอาจไม่สามารถหาสิ่งที่ต้องการได้ง่ายๆ ซึ่งจะเพิ่มโอกาสที่พวกเขาจะออกจากเว็บไซต์โดยไม่ทำการเปลี่ยนเป็นลูกค้า
  • ความล่าช้าในการโหลดหน้าเว็บไซต์: เว็บไซต์ที่ใช้เวลานานในการโหลดสามารถทำให้ผู้เยี่ยมชมรู้สึกหงุดหงิดและละทิ้งการใช้งาน ความล่าช้าทำให้เกิดความเสียดทานในประสบการณ์ผู้ใช้ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้เยี่ยมชมออกจากเว็บไซต์ก่อนที่เนื้อหาจะโหลดเสร็จ

ขาดความน่าเชื่อถือ

  • ขาดความเชื่อมั่น: หากไม่มีสิ่งที่แสดงถึงความน่าเชื่อถือ เช่น คำรับรองจากลูกค้า รีวิว รางวัลแสดงถึงความปลอดภัย และการรับประกัน ผู้เยี่ยมชมอาจลังเลที่จะให้ข้อมูลส่วนตัวหรือทำการซื้อขาย การมีองค์ประกอบเหล่านี้สำคัญต่อการสร้างความน่าเชื่อถือและให้ความมั่นใจว่าข้อมูลและธุรกรรมของผู้ใช้มีความปลอดภัย
  • ข้อเสนอที่ไม่ชัดเจน: หากเว็บไซต์ไม่สามารถสื่อสารข้อเสนอและประโยชน์ของผลิตภัณฑ์หรือบริการได้อย่างชัดเจน ผู้เยี่ยมชมอาจไม่เห็นเหตุผลที่ชัดเจนในการตัดสินใจเปลี่ยนเป็นลูกค้า ข้อเสนอที่แข็งแกร่งควรอธิบายอย่างชัดเจนว่าทำไมผู้เยี่ยมชมควรเลือกเว็บไซต์หรือธุรกิจนี้เหนือคู่แข่ง

ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับฟอร์มและขั้นตอนการชำระเงิน

  • ฟอร์มที่ซับซ้อนหรือยาวเกินไป: ฟอร์มที่ต้องการข้อมูลมากเกินไปหรือมีหลายขั้นตอนสามารถทำให้ผู้เยี่ยมชมรู้สึกว่ามีความซับซ้อนและทำให้พวกเขาไม่กรอกฟอร์มและออกจากเว็บไซต์ได้อย่างง่ายๆ
  • ขาดการปรับปรุงฟอร์ม: ฟอร์มที่ไม่ได้ปรับให้ใช้งานง่าย เช่น การขาดข้อความแสดงข้อผิดพลาดที่ชัดเจน การตรวจสอบข้อมูลขณะกรอก หรือการเติมข้อมูลอัตโนมัติ อาจทำให้ผู้เยี่ยมชมรู้สึกหงุดหงิดและเลิกกรอกฟอร์ม
  • ขั้นตอนการชำระเงินที่ซับซ้อน: สำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ การมีขั้นตอนการชำระเงินที่ซับซ้อนหรือหลายขั้นตอนอาจทำให้อัตราการละทิ้งตะกร้าสินค้าสูงขึ้น ประสบการณ์การชำระเงินที่เรียบง่ายและใช้งานง่ายมีความสำคัญในการลดการทิ้งลูกค้าและเพิ่มการเปลี่ยนเป็นลูกค้า

ปัจจัยอื่นๆ

  • การเข้าชมเว็บไซต์ที่ไม่ตรงเป้าหมาย: หากเว็บไซต์ดึงดูดผู้เยี่ยมชมที่ไม่สนใจผลิตภัณฑ์หรือบริการจริงๆ อัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าจะต่ำ การตลาดควรมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนเป็นลูกค้ามากขึ้น
  • ขาดการปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะกับผู้ใช้: การไม่ปรับแต่งประสบการณ์ของผู้ใช้อาจทำให้ผู้เยี่ยมชมรู้สึกไม่สนใจหรือไม่สำคัญ การใช้เทคนิคการปรับแต่ง เช่น การแนะนำเนื้อหาที่ตรงเป้าหมายและข้อเสนอที่เฉพาะเจาะจง สามารถช่วยเพิ่มความเกี่ยวข้องและเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนเป็นลูกค้า

การปรับปรุงเว็บไซต์โดยจัดการปัญหาเหล่านี้สามารถช่วยธุรกิจให้ปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ สร้างความเชื่อถือ และเพิ่มโอกาสที่ผู้เยี่ยมชมจะเปลี่ยนเป็นลูกค้าหรือผู้ที่มีโอกาสซื้อได้มากขึ้น

ข้อมูลอะไรที่ควรทำการติดตามในเว็บไซต์เพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้เข้าชมมากยิ่งขึ้น ?

ตัวชี้วัด (Metrics) หลักๆที่ควรเลือกเลือกติดตามในเว็บไซต์ เพื่อทำความเข้าใจที่แหล่งที่มาและการกระทำต่างๆ ในเว็บไซต์ มีดังนี้

1.ปริมาณการเข้าชมและแหล่งที่มาของการเข้าชม (Traffic and Traffic Sources)

Sample-Traffic-Source
Sample-Traffic-Source รูปภาพจาก researchgate
  • การเข้าใจว่าผู้เข้าชมมาจากที่ใดเป็นสิ่งสำคัญ เพราะข้อมูลนี้ช่วยให้คุณเข้าใจว่า ช่องทางการตลาดใดที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการดึงดูดการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ
  • วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณการเข้าชมจากแหล่งต่างๆ เช่น การค้นหาแบบธรรมชาติ (organic search), การโฆษณาแบบชำระเงิน, โซเชียลมีเดีย, ลิงก์อ้างอิง (referral links), และแคมเปญอีเมล ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณจัดสรรงบประมาณการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมุ่งเน้นไปที่ช่องทางที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุด

2.พฤติกรรมผู้ใช้บนหน้า Landing Page

ตัวอย่าง heatmaps จาก VWO
ตัวอย่าง heatmaps จาก VWO
  • การติดตามว่าผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์กับหน้า Landing Page ของคุณอย่างไร ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความสนใจและความชอบของพวกเขา
  • ให้ความสำคัญกับตัวชี้วัดอย่างอัตราการตีกลับ (bounce rate) ซึ่งบ่งชี้ถึงเปอร์เซ็นต์ของผู้เข้าชมที่ออกจากหน้าโดยไม่มีการโต้ตอบใดๆ และเวลาเฉลี่ยที่อยู่ในหน้า (time spent on page) ซึ่งอาจแสดงถึงระดับความสนใจของผู้ใช้
  • ใช้เครื่องมืออย่าง Heatmaps และการบันทึกการใช้งาน (session recordings) เพื่อมองเห็นพฤติกรรมผู้ใช้และเข้าใจว่าองค์ประกอบใดที่ดึงดูดความสนใจของผู้ใช้และส่วนใดที่ทำให้เกิดปัญหา ตัวอย่างเช่น Heatmaps สามารถแสดงพื้นที่ที่ผู้ใช้คลิกหรือเลื่อนดู ในขณะที่การบันทึกการใช้งานช่วยให้คุณสามารถดูการโต้ตอบของผู้ใช้แต่ละรายได้อย่างละเอียด

3.อัตราการตีกลับและการละทิ้ง (Bounce and Abandonment Rates)

Bounce rate รูปภาพจาก measureschool
  • การติดตามอัตราการตีกลับและการละทิ้งช่วยให้คุณระบุจุดที่อาจเกิดขึ้นในเส้นทางการใช้งานของผู้ใช้
  • อัตราการตีกลับที่สูงอาจบ่งชี้ถึงปัญหาด้านความเกี่ยวข้องของหน้า การออกแบบ หรือเนื้อหา ดังนั้นควรวิเคราะห์ว่าเหตุใดผู้เข้าชมถึงออกจากหน้าอย่างรวดเร็วและทำการปรับปรุงเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วม
  • เช่นเดียวกัน อัตราการละทิ้งสูงสำหรับฟอร์มหรือรถเข็นช้อปปิ้งอาจแสดงถึงปัญหาในกระบวนการชำระเงินหรือความซับซ้อนของฟอร์ม ตรวจสอบสาเหตุของการละทิ้ง เช่น ฟอร์มที่ยาวเกินไป ค่าธรรมเนียมแอบแฝง หรือการขาดสัญญาณความน่าเชื่อถือ และปรับปรุงกระบวนการเพื่อลดอุปสรรคและเพิ่มการเปลี่ยนแปลง

การติดตามและวิเคราะห์จุดข้อมูลสำคัญเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณเข้าใจผู้เข้าชมเว็บไซต์ของคุณได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น รวมถึงพฤติกรรมและความต้องการของพวกเขา ข้อมูลนี้ช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจจากข้อมูลเพื่อนำไปปรับปรุงเว็บไซต์และเพิ่มประสบการณ์ของผู้ใช้ ซึ่งจะส่งผลต่อการเพิ่มอัตราการเปลี่ยนแปลงในที่สุด โดยเครื่องมือที่ช่วยในการเก็บข้อมูลในปัจจุบันมีให้เลือกมากมาย ถ้าเป็นเครื่องมือฟรี ก็จะเป็น Google analytics 4 แต่ถ้าหากอยากให้เว็บไซต์ของคุณวิเคราะห์ข้อมูลได้ลึกมากขึ้นกว่าเดิม อาจจะลองใช้เครื่องมืออย่าง VWO (Visual Website Optimizer) คือเครื่องมือที่ช่วยในการทดสอบและเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ โดยให้ผู้ใช้สามารถทำการทดสอบ A/B Testing, Split Testing, และ Multivariate Testing เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ (User Experience) และเพิ่มอัตราการแปลง (Conversion Rate) ของเว็บไซต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังสามารถตั้งเป้าหมายและการติดตาม (Goal Tracking) เช่น การเพิ่มการลงทะเบียน การซื้อขาย หรือการคลิกในส่วนต่างๆ และติดตามได้ว่าการทดสอบนั้นช่วยให้บรรลุเป้าหมายเหล่านั้นได้หรือไม่

เคล็ดลับการเปลี่ยนผู้เข้าชมเว็บไซต์ให้กลายเป็นลูกค้า

การสร้างเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มการแปลงจากผู้เข้าชมเว็บไซต์ให้กลายเป็นลูกค้าขึ้นอยู่กับความเข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้ การปรับปรุงการออกแบบเว็บไซต์ และการใช้กลยุทธ์ทางจิตวิทยาในการกระตุ้นให้ผู้เข้าชมดำเนินการ นี่คือตัวอย่างข้างต้น:

1.เข้าใจกลุ่มเป้าหมายและการเดินทางของพวกเขา

  • กำหนดเป้าหมายเว็บไซต์ที่ชัดเจน: กำหนดเป้าหมายเฉพาะที่คุณต้องการให้ผู้เข้าชมดำเนินการ เช่น การลงทะเบียนทางอีเมล การกรอกแบบฟอร์ม การสั่งซื้อสินค้า เป้าหมายเหล่านี้จะเป็นเกณฑ์วัดความสำเร็จของกลยุทธ์ของคุณ
  • ใช้ข้อมูลเชิงลึกที่อิงจากข้อมูลจริง: ใช้เครื่องมือวิเคราะห์เช่น VWO Insights เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่มาของ traffic พฤติกรรมผู้ใช้บนหน้า Landing Page อัตราการเด้งกลับและออกจากหน้า รวมถึงความคิดเห็นจากลูกค้า ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เห็นภาพความต้องการและปัญหาของผู้เข้าชม
  • สร้าง Persona ของผู้ใช้: จากข้อมูลที่รวบรวม สร้างโปรไฟล์ของลูกค้าในอุดมคติ เพื่อให้เข้าใจถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถปรับเนื้อหาและการออกแบบเว็บไซต์ให้ตรงกับพวกเขา
  • วิเคราะห์ Conversion Funnel: ศึกษาเส้นทางการเปลี่ยนแปลงของผู้เข้าชมตั้งแต่เริ่มเข้ามาในเว็บไซต์จนกระทั่งดำเนินการเสร็จสิ้น เพื่อระบุจุดที่ผู้เข้าชมออกจากเว็บไซต์และหาวิธีแก้ไข

2.สร้างประสบการณ์บนเว็บไซต์ที่น่าดึงดูด

  • ปรับแต่ง Layout เว็บไซต์: ใช้ลำดับชั้นขององค์ประกอบเพื่อดึงความสนใจของผู้ใช้ไปยังจุดสำคัญ เช่น หัวข้อ CTA และแบบฟอร์ม ซึ่งช่วยให้ผู้เข้าชมสามารถนำทางและเข้าใจเนื้อหาได้อย่างง่ายดาย
  • กำจัดสิ่งที่ก่อให้เกิดความสับสน: จัดระเบียบหน้าเว็บและลบองค์ประกอบที่ไม่จำเป็นออก ทำให้หน้าเว็บไซต์สะอาดและเน้นไปที่ข้อมูลสำคัญ
  • ทำให้การนำทางง่ายขึ้น: สร้างเมนูที่ใช้งานง่ายและโครงสร้างเว็บไซต์ที่ชัดเจน เพื่อช่วยให้ผู้เข้าชมค้นหาสิ่งที่พวกเขาต้องการได้อย่างง่ายดาย
  • เพิ่มความเร็วในการโหลดหน้าเว็บไซต์: การโหลดเว็บไซต์ที่ช้าทำให้ผู้ใช้รู้สึกหงุดหงิด ควรปรับปรุงรูปภาพและใช้เทคนิคต่าง ๆ เช่น AMP เพื่อเพิ่มความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ

3.ปรับปรุงแบบฟอร์มให้เหมาะสม

  • ลดจำนวนช่องในแบบฟอร์ม: ทำให้แบบฟอร์มสั้นและจำกัดให้มีเฉพาะข้อมูลที่จำเป็น การใช้แบบฟอร์มที่สั้นจะช่วยลดอัตราการละทิ้ง
  • ใช้ Inline Validation: ให้ผู้ใช้ได้รับคำติชมขณะที่พวกเขากรอกแบบฟอร์ม เพื่อให้สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดได้ทันที ลดโอกาสที่แบบฟอร์มจะไม่ถูกส่ง
  • ใช้ภาษาที่ชัดเจน: หลีกเลี่ยงคำศัพท์ทางเทคนิคและภาษาที่ยุ่งยาก ใช้ภาษาที่เข้าใจง่ายเพื่อให้ผู้ใช้สามารถกรอกแบบฟอร์มได้อย่างสะดวก
  • ปรับให้รองรับการใช้งานบนมือถือ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแบบฟอร์มทำงานได้ดีบนอุปกรณ์มือถือ เนื่องจากผู้ใช้จำนวนมากมาจากช่องทางนี้

4.การสร้าง CTA ที่น่าสนใจ

  • ทำให้ CTA โดดเด่น: ใช้สีที่ตัดกัน ตัวอักษรที่ชัดเจน และตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจน เพื่อทำให้ CTA โดดเด่นและดึงดูดการคลิก
  • ทดสอบ A/B สำหรับ CTA: ทดลองกับข้อความ สี และขนาดของปุ่ม CTA ต่าง ๆ เพื่อหาสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับกลุ่มเป้าหมายของคุณ

5.สร้างความเชื่อมั่นและความน่าเชื่อถือ

  • แสดงผลการรีวิวจากลูกค้า: นำเสนอความคิดเห็นเชิงบวกจากลูกค้าพร้อมกับรูปภาพและผลลัพธ์ที่ได้รับ ซึ่งจะช่วยสร้างความไว้วางใจให้กับผู้เข้าชม
  • ใช้สัญลักษณ์ความน่าเชื่อถือ: ใส่สัญลักษณ์การรับรอง เช่น ตรารับรองความปลอดภัยและการรับประกัน เพื่อสร้างความมั่นใจในการทำธุรกรรมออนไลน์

6.ปรับเนื้อหาให้ตรงกับผู้ใช้

  • ส่งมอบเนื้อหาตามพฤติกรรมของผู้ใช้: แบ่งกลุ่มผู้ใช้ตามพฤติกรรมและความต้องการ เพื่อให้ส่งมอบเนื้อหาที่ตรงใจและสร้างการมีส่วนร่วม
  • ใช้ VWO Personalize: ใช้ฟีเจอร์ของ VWO ในการปรับประสบการณ์ของผู้ใช้แต่ละกลุ่มให้เป็นแบบเฉพาะตัว

7.ใช้การทดสอบ A/B และ Multivariate

  • ทดสอบการออกแบบและ Layout: ทดลองการจัดวางองค์ประกอบและดีไซน์หน้าเว็บต่าง ๆ เพื่อดูว่าแบบไหนที่ดึงดูดผู้ใช้และช่วยเพิ่มการแปลง
  • ทดสอบข้อความขาย: ทดลองกับการเขียนหัวข้อ เนื้อหาหลัก และ CTA เพื่อหาข้อความที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการกระตุ้นให้ผู้ใช้ดำเนินการ
  • ทดสอบภาพและมัลติมีเดีย: ทดสอบกับภาพ วิดีโอ และองค์ประกอบมัลติมีเดียต่าง ๆ เพื่อดูว่าแบบไหนที่ดึงดูดความสนใจและเพิ่มประสบการณ์ของผู้ใช้
  • ทดสอบการใช้ Social Proof: ทดลองกับการจัดวางและรูปแบบของการแสดงผลรีวิว ความคิดเห็น และ Social Proof เพื่อลดความกังวลของผู้เข้าชม

8.ปรับปรุงอย่างต่อเนื่องผ่านการเก็บข้อมูลและปรับเปลี่ยน

  • ใช้แบบสอบถามบนหน้าเว็บ: เก็บข้อเสนอแนะโดยตรงจากผู้ใช้เพื่อเข้าใจถึงปัญหาที่พวกเขาพบเจอ และใช้ข้อมูลนี้ในการปรับปรุงเว็บไซต์
  • วิเคราะห์ผลการทดสอบ: วิเคราะห์ข้อมูลจากการทดสอบ A/B และ Multivariate เพื่อหาวิธีปรับปรุงและพัฒนาการแปลงของเว็บไซต์ให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ

โดยการนำกลยุทธ์เหล่านี้ไปใช้ร่วมกับฟีเจอร์ของ VWO คุณจะสามารถสร้างเว็บไซต์ที่กระตุ้นให้ผู้เข้าชมกลายเป็นลูกค้าที่มีคุณค่า ช่วยเสริมสร้างการเติบโตและความสำเร็จให้กับธุรกิจของคุณ

ยกตัวอย่าง เป้าหมายของการ Optimized เว็บไซต์ในแต่ละอุตสาหกรรม

แต่ละอุตสาหกรรมมักมีเป้าหมายที่แตกต่างใน ดังนั้น ในการออกแบบกลยุทธ์ของเว็บไซต์จำเป็นต้องแตกต่างกันไป นี่คือตัวอย่าง use case ของแต่ละอุตสาหกรรมที่มีเป้าหมายในการสร้างเว็บที่สามารถนำไปปรับใช้ ดังนี้

1.อีคอมเมิร์ซ

เป้าหมาย: การสั่งซื้อสินค้า

เคล็ดลับการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์: ใช้ภาพและวิดีโอคุณภาพสูงสำหรับแสดงสินค้า แหล่งข้อมูลระบุถึงความสำคัญของการใช้ภาพและวิดีโอที่ชัดเจนในการกระตุ้นยอดขาย โดยภาพที่คมชัดสามารถช่วยให้ผู้เข้าชมเข้าใจรายละเอียดของสินค้า เช่น คุณสมบัติ ประโยชน์ และความน่าสนใจได้มากขึ้น

ตัวอย่าง: ร้านค้าเสื้อผ้าออนไลน์อาจใช้เครื่องมือหมุนภาพสินค้า 360 องศา เพื่อให้ผู้เข้าชมสามารถหมุนและซูมดูสินค้าได้จากทุกมุม ช่วยให้เห็นรายละเอียดของผ้า การตัดเย็บ และรูปลักษณ์จากหลายมุมมอง ทำให้ผู้ซื้อตัดสินใจได้ง่ายขึ้น

เคล็ดลับเพิ่มเติม:

  • ปรับขั้นตอนการชำระเงินให้เรียบง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้มากที่สุด เช่น ลดขั้นตอนการชำระเงิน มีตัวเลือกการชำระเงินแบบไม่ต้องสมัครสมาชิก และแสดงนโยบายการจัดส่งและการคืนสินค้าอย่างชัดเจน
  • เสนอคำแนะนำสินค้าที่ตรงกับความสนใจของลูกค้า โดยพิจารณาจากประวัติการเข้าชมและการซื้อครั้งก่อน เพื่อเพิ่มความเกี่ยวข้องของคำแนะนำและกระตุ้นยอดขายได้มากขึ้น

2.ซอฟต์แวร์ในรูปแบบบริการ (SaaS)

เป้าหมาย: การสมัครทดลองใช้บริการ

เคล็ดลับการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์: ทำให้ขั้นตอนการสมัครทดลองใช้บริการเรียบง่ายและไม่มีอุปสรรค โดยลดจำนวนช่องกรอกข้อมูล ใช้ภาษาที่กระชับ และเน้นประโยชน์ของการสมัคร

ตัวอย่าง: เว็บไซต์ซอฟต์แวร์การจัดการโครงการอาจลดช่องกรอกข้อมูลเหลือแค่ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านในขั้นแรก จากนั้นจึงขอข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อผู้ใช้เริ่มใช้ซอฟต์แวร์และเห็นคุณค่าของบริการ

เคล็ดลับเพิ่มเติม:

  • ใช้รีวิว เช่น คำรับรองจากลูกค้าและกรณีศึกษา เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและกระตุ้นให้ผู้เข้าชมสมัคร
  • เสนอการรับประกันคืนเงินเพื่อลดความเสี่ยงในการทดลองใช้บริการ และเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ที่ลังเลที่จะสมัคร

3.ธุรกิจบริการ

อุตสาหกรรม: การท่องเที่ยว

เป้าหมาย: การจองทัวร์

เคล็ดลับการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์: ใช้การเล่าเรื่องและภาพที่ดึงดูดใจในการนำเสนอจุดหมายปลายทางและประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร ภาพและวิดีโอคุณภาพสูง รวมถึงเนื้อหาที่ดึงดูดใจสามารถสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับผู้เข้าชมและกระตุ้นให้พวกเขาจองทัวร์

ตัวอย่าง: เว็บไซต์เอเจนซี่ท่องเที่ยวอาจใช้ภาพถ่ายของจุดหมายปลายทางที่สวยงาม วิดีโอแสดงวัฒนธรรมท้องถิ่น และเรื่องราวการเดินทางที่น่าประทับใจจากผู้ที่เคยร่วมทัวร์ เพื่อให้ผู้เข้าชมรู้สึกเหมือนอยู่ในจุดหมายปลายทางจริง ๆ และกระตุ้นการจองทัวร์ได้มากขึ้น

เคล็ดลับเพิ่มเติม:

  • เสนอข้อมูลราคาและรายละเอียดของแพ็คเกจทัวร์ที่ชัดเจน เพื่อสร้างความเชื่อถือและลดความไม่แน่นอนให้กับลูกค้า
  • ใช้ระบบการจองที่ใช้งานง่าย รองรับการใช้งานผ่านมือถือ และมีความปลอดภัย ระบบการจองที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพสามารถกระตุ้นให้ผู้เข้าชมทำการจองได้ง่ายขึ้น

อุตสาหกรรม: การดูแลสุขภาพ

เป้าหมาย: การนัดหมายจองคิว

เคล็ดลับการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์: เพิ่มฟีเจอร์แชทสดเพื่อให้บริการช่วยเหลือแบบเรียลไทม์แก่ผู้เข้าชมเว็บไซต์ที่มีคำถามหรือความต้องการความช่วยเหลือในการใช้งานเว็บไซต์ เช่น เว็บไซต์ของผู้ให้บริการด้านสุขภาพสามารถเพิ่มฟีเจอร์แชทสด เพื่อให้ผู้เข้าชมสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับบริการ การครอบคลุมของประกัน หรือการนัดหมายได้ ความช่วยเหลือแบบเรียลไทม์นี้จะช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ แก้ไขข้อกังวล และกระตุ้นให้ผู้เข้าชมทำการจองคิวนัดหมาย

การมีเป้าหมายทางธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการมีเป้าหมายทำให้เราสามารถรู้ได้ว่าธุรกิจเรากำลังโฟกัสอะไร แล้วอะไรคือสิ่งที่เราควรให้สำคัญ หากคุณมีเป้าหมาย แต่ยังไม่แน่ใจว่า มีอะไรบ้างที่จะสามารถช่วยให้ธุรกิจและเว็บไซต์ของคุณเปลี่ยนคนเข้าเว็บไซต์เป็นลูกค้าจริงๆได้ สนใจ VWO เพื่อนำไปวิเคราะห์ข้อมูล สามารถกรอกแบบฟอร์มด้านล่างเพื่อรับคำปรึกษาฟรีจากผู้เชี่ยวชาญของ Predictive ได้เลยค่ะ!

ขอบคุณข้อมูล VWO

Get in touch

Let's work together!

"*" indicates required fields

Name*
Please let us know what's on your mind. Have a question for us? Ask away.