ธุรกิจที่มีแอปพลิเคชันกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดในประเทศไทย การใช้ Mobile Attribution ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้งานและติดตามข้อมูลภายในแอปพลิเคชันจึงกลายเป็นสิ่งจำเป็นมากขึ้น เพราะข้อมูลเหล่านี้สามารถนำไปต่อยอดเพื่อพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดและเพิ่มประสิทธิภาพของแอปได้อย่างชัดเจน
จากรายงานของ Statista พบว่ารายได้จากแอปพลิเคชันในประเทศไทยระหว่างปี 2017 ถึง 2029 มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในหมวด เกม และ ความบันเทิง ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดหลักที่ดึงดูดทั้งนักพัฒนาและนักลงทุนอย่างมาก
ในบทความนี้ เราจะพาคุณมาทำความรู้จักกับ Mobile Attribution ว่ามันคืออะไร และเหตุผลที่ธุรกิจที่มีแอปพลิเคชันไม่ควรมองข้ามเครื่องมือนี้!
เลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
Mobile Attribution คืออะไร
Mobile Attribution คือกระบวนการระบุแหล่งที่มาของการติดตั้งแอป โดยช่วยให้เราทราบว่าแคมเปญ โฆษณา หรือช่องทางใดเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้ใช้งานดาวน์โหลดแอปได้อย่างแม่นยำ
หากคุณทำโฆษณาออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มอย่าง Facebook หรือ Google แพลตฟอร์มเหล่านี้มักจะนับตัวเองเป็นแหล่งที่มาของการติดตั้งแอป แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่เราต้องการรู้คือ ช่องทางสุดท้ายที่ผู้ใช้กดและตัดสินใจดาวน์โหลดแอป
นี่คือจุดที่เครื่องมือ Mobile Attribution เข้ามาช่วย เพราะมันสามารถระบุได้อย่างชัดเจนและแม่นยำว่าช่องทางใดเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ทำให้นักการตลาดสามารถปรับกลยุทธ์และใช้งบประมาณได้อย่างคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
ทำไม Mobile Attribution ถึงสำคัญสำหรับแอปพลิเคชัน
Mobile Attribution ช่วยให้เรารู้ว่าอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้ใช้งานติดตั้งแอปหรือทำกิจกรรมต่างๆ ภายในแอป ไม่ว่าจะมาจากแหล่งที่มาที่ไม่เป็นธรรมชาติ เช่น คลิกโฆษณา หรือแหล่งที่มาธรรมชาติ ผู้ใช้ไม่ได้คลิกมาจากโฆษณาเลย การเข้าใจข้อมูลนี้มีความสำคัญอย่างมากในการทำการตลาดบนแอป ด้วยเหตุผลดังนี้
1. การปรับปรุงแคมเปญ (Optimization)
การรู้แหล่งที่มาของผู้ใช้งานช่วยให้คุณปรับแคมเปญการตลาดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น คุณสามารถลงทุนในช่องทางที่ดึงดูดผู้ใช้ที่มีคุณภาพสูงได้ และลดการใช้งบประมาณในช่องทางที่ไม่คุ้มค่า
2. การวัดผลแคมเปญ (Measuring Campaign Effectiveness)
Mobile Attribution ช่วยให้คุณดูประสิทธิภาพของแคมเปญในมุมต่างๆ ได้ ไม่ใช่แค่การติดตั้งแอป แต่รวมถึงการกลับมาใช้งานซ้ำ (re-engagement) และการคืนเครดิตให้ช่องทางที่พาผู้ใช้กลับมา (re-attribution) คุณสามารถเปรียบเทียบผลลัพธ์จากเครือข่ายโฆษณา กลยุทธ์สร้างสรรค์ หรือกลุ่มเป้าหมายต่างๆ เพื่อดูว่าอะไรที่ได้ผลดีที่สุด
3. การเข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้งาน (Understanding User Behavior)
การติดตามกิจกรรมในแอปและเชื่อมโยงกับแหล่งที่มา ช่วยให้คุณเข้าใจเส้นทางการใช้งานของผู้ใช้ (User Journey) และปรับปรุงประสบการณ์ใช้งานในแอป รวมถึงสร้างข้อความทางการตลาดที่เหมาะกับแต่ละกลุ่มผู้ใช้งาน
4. ให้เครดิตกับแหล่งที่มาที่ถูกต้อง (Crediting the Right Source)
มีผู้เล่นหลายฝ่าย เช่น App Store, เครือข่ายโฆษณา และแพลตฟอร์มวัดผล ซึ่งแต่ละฝ่ายมีวิธีการนับจำนวนการติดตั้งและกิจกรรมที่แตกต่างกัน Mobile Attribution ช่วยให้มั่นใจได้ว่าคุณให้เครดิตกับแหล่งที่มาที่ถูกต้อง ทำให้ประเมินผลของแต่ละช่องทางได้อย่างยุติธรรม
5. มองไกลกว่าการให้เครดิตแค่คลิกสุดท้าย (Beyond Last-Click Attribution)
นอกจากการให้เครดิตกับคลิกสุดท้าย (Last-Click Attribution) แล้ว Mobile Attribution ยังพิจารณาถึง “การติดตั้งที่มีส่วนช่วย” (Assisted Installs) ซึ่งหมายถึงแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่มีผลต่อผู้ใช้ก่อนคลิกสุดท้าย ช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของทุกจุดสัมผัสที่มีส่วนช่วยในการเปลี่ยนแปลงผู้ใช้
วิธีการทำงานของ Mobile Attribution
1. Ad View (การแสดงโฆษณา)
- ผู้ใช้งานเห็นโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Facebook, Google Ads, หรือเครือข่ายโฆษณาอื่น ๆ
- Mobile Attribution Tools จะทำการบันทึกข้อมูลการแสดงผลของโฆษณา (Impression) เอาไว้ เช่น เวลาที่เห็น, แพลตฟอร์มที่แสดง, ID โฆษณา และอื่น ๆ
2. Ad Click (การคลิกโฆษณา)
- ผู้ใช้งานคลิกที่โฆษณาและถูกพาไปยัง App Store หรือ Google Play
- ระบบ Attribution จะสร้างลิงก์พิเศษที่เรียกว่า Tracking Link หรือ Attribution Link เพื่อติดตามพฤติกรรมผู้ใช้งานจากการคลิก เช่น:
- Source (แหล่งที่มา)
- Campaign ID (รหัสแคมเปญ)
- Device ID (อุปกรณ์ที่ใช้งาน)
3. App Install (การติดตั้งแอปพลิเคชัน)
- ผู้ใช้งานติดตั้งแอปพลิเคชันจาก App Store หรือ Google Play
- Attribution Tools จะระบุว่าการติดตั้งนี้มาจากแหล่งโฆษณาใด โดยใช้เทคโนโลยี เช่น:
- Device Matching (การจับคู่ Device ID)
- Click-to-Install Time (ระยะเวลาจากคลิกจนถึงติดตั้ง)
- Fingerprinting (การจับคู่ข้อมูลอื่น ๆ เช่น IP, OS, Browser)
4. First Launch (การเปิดแอปครั้งแรก)
- เมื่อผู้ใช้งานเปิดแอปเป็นครั้งแรก ระบบ Mobile Attribution จะส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์เพื่อตรวจสอบว่าเป็นผู้ใช้งานจากแคมเปญใด
- ช่วยให้เจ้าของแคมเปญสามารถวัดผลได้ว่าโฆษณานำมาซึ่งผู้ใช้งานจริงหรือไม่
5. In-App Event (การกระทำภายในแอป)
- ระบบ Attribution จะติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในแอป เช่น การซื้อสินค้า, การสมัครสมาชิก หรือการใช้งานฟีเจอร์ต่าง ๆ
- ช่วยวัด ROI (Return on Investment) จากการโฆษณา และประสิทธิภาพของผู้ใช้งานจากแต่ละแคมเปญ
6. Uninstall (การถอนการติดตั้งแอป)
- ระบบสามารถตรวจจับได้หากผู้ใช้งานถอนการติดตั้งแอป ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจเข้าใจถึงพฤติกรรมของผู้ใช้งานและปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดได้
เทคโนโลยีที่ใช้ในการทำ Mobile Attribution
- Device ID Matching: ใช้ข้อมูล Device ID ในการเชื่อมโยงการติดตั้งแอปกับโฆษณาที่คลิก
- Deferred Deep Linking: นำผู้ใช้งานไปยังจุดที่ต้องการภายในแอปแม้จะเพิ่งติดตั้งใหม่
- Fingerprinting: ใช้ข้อมูลหลายแหล่ง เช่น IP Address, OS, Browser เพื่อตรวจจับผู้ใช้งาน
- Tracking SDK: การติดตั้ง SDK บนแอปเพื่อรวบรวมข้อมูลการกระทำของผู้ใช้งาน
Mobile Attribution ช่วยให้ธุรกิจวัดผลลัพธ์จากแคมเปญโฆษณาได้ชัดเจนขึ้น ทั้งการติดตั้งแอป การใช้งานในแอป และการถอนการติดตั้ง โดยเชื่อมโยงพฤติกรรมผู้ใช้งานกับแหล่งที่มา ช่วยปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดและเพิ่ม ROI ให้กับธุรกิจ
ประเภทของ Mobile Attribution Models ที่คุณควรรู้
โมเดลการทำ Attribution บนมือถือที่ควรรู้
- Install Referrer (เฉพาะ Android เท่านั้น)
- เป็นวิธีหลักในการทำ Attribution บน Android โดยใช้ข้อมูล Referrer ที่บอกถึง URL ต้นทางที่ผู้ใช้งานคลิกก่อนจะถูกนำไปยัง Google Play Store หรือ App Store อื่น ๆ เช่น Huawei App Store, Samsung Galaxy Store และ Xiaomi GetApps Store
- Device ID Matching
- เป็นวิธีหลักสำหรับ iOS โดยเครือข่ายโฆษณาจะส่งข้อมูล Device ID ไปที่ AppsFlyer ซึ่งจะนำไปจับคู่กับ Device ID ที่ได้จาก SDK ของ AppsFlyer
- ตัวอย่าง Device ID ได้แก่ IDFA, IDFV (iOS), GAID (Google), OAID, Android ID, IMEI และ Fire ID
- Probabilistic Modeling
- ใช้หลักการทางสถิติและ Machine Learning เพื่อประมาณผลลัพธ์ของแคมเปญ เหมาะสำหรับกรณีที่ไม่มีข้อมูล Referrer หรือ Advertising ID
- Attribution Window (ช่วงเวลาที่นับการติดตั้ง) จะถูกกำหนดแบบไดนามิกโดย AppsFlyer ซึ่งจะสั้นกว่าวิธีอื่น ๆ (สูงสุด 24 ชั่วโมง)
- Aggregated Advanced Privacy (AAP)
- เป็นวิธีเริ่มต้นบนอุปกรณ์ Apple ที่ใช้ iOS 14.5 ขึ้นไป โดยเน้นเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
- ผลลัพธ์ของแคมเปญจะถูกแสดงในรูปแบบรวม (Aggregated) โดยไม่สามารถบันทึกข้อมูลผู้ใช้ข้ามแอปหรือเว็บไซต์ของบริษัทต่าง ๆ ได้
- Preload Campaigns
- ใช้สำหรับแคมเปญที่มีการติดตั้งแอปมากับอุปกรณ์ตั้งแต่ต้น (Preloaded Apps) โดยพาร์ทเนอร์ที่ติดตั้งล่วงหน้า
- มี 3 วิธีในการทำ Attribution สำหรับแคมเปญแบบ Preload:
- AppsFlyer Referrer
- Google Play Auto-Install
- การติดตั้งผ่าน System Property หรือไฟล์ Manifest (เฉพาะ Android)
- Deep Link
- ใช้สำหรับการทำ Re-Engagement เท่านั้น (การดึงผู้ใช้กลับมาใช้งานแอปอีกครั้ง)
- ทำ Attribution โดยอิงจากข้อมูลใน URL ของ Deep Link ที่บรรจุข้อมูลสำหรับการระบุแหล่งที่มา
ประโยชน์ของการใช้ Mobile Attribution
การทำ Mobile Attribution ช่วยให้การหาผู้ใช้ใหม่ (User Acquisition) และการดึงผู้ใช้เดิมกลับมาใช้งาน (Re-Engagement) มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น โดยมีประโยชน์ดังนี้:
- เข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้
- การทำ Mobile Attribution ช่วยให้เข้าใจว่าอะไรเป็นแรงจูงใจให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปหรือทำกิจกรรมบางอย่างภายในแอป
- ช่วยระบุได้ว่าแคมเปญการตลาดไหนมีประสิทธิภาพมากที่สุด และเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้อย่างลึกซึ้ง
- เพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายโฆษณา
- เมื่อรู้ว่าแคมเปญและช่องทางโฆษณาใดดึงดูดการติดตั้งและการมีส่วนร่วมของผู้ใช้ได้ดี คุณสามารถกระจายงบโฆษณาได้อย่างคุ้มค่า
- ช่วยลดการสูญเสียงบประมาณไปกับช่องทางที่ไม่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพ
- ปรับปรุง ROI (ผลตอบแทนการลงทุน)
- การปรับปรุงแคมเปญและการกำหนดเป้าหมายผู้ใช้ที่เหมาะสม จะช่วยเพิ่ม ROI ได้
- ตัวอย่างเช่น คุณสามารถระบุได้ว่าผู้ใช้จากช่องทางใดมีแนวโน้มทำการซื้อภายในแอป
- วัดประสิทธิภาพแคมเปญ
- การทำ Attribution ช่วยติดตามประสิทธิภาพของแคมเปญและช่องทางโฆษณาต่าง ๆ ได้
- คุณสามารถดูได้ว่าแคมเปญใดสร้างการติดตั้ง การมีส่วนร่วม และรายได้มากที่สุด ซึ่งช่วยให้คุณวางกลยุทธ์การตลาดโดยใช้ข้อมูลเป็นพื้นฐาน (Data-Driven Decisions)
- ติดตามกิจกรรมในแอป (In-App Events)
- ช่วยระบุว่าช่องทางโฆษณาใดนำผู้ใช้มาทำกิจกรรมที่ต้องการภายในแอป เช่น การซื้อสินค้าหรือการผ่านด่านในเกม
- สามารถนำข้อมูลนี้มาปรับปรุงแคมเปญเพื่อมุ่งเป้าหมายไปยังผู้ใช้ที่มีแนวโน้มทำกิจกรรมเหล่านี้
- เข้าใจเส้นทางลูกค้า (Customer Journey)
- การติดตามการโต้ตอบของผู้ใช้ผ่านหลายช่องทางช่วยให้เห็นภาพรวมของเส้นทางลูกค้า (Customer Journey)
- ข้อมูลนี้ช่วยระบุจุดที่ควรปรับปรุงเพื่อสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นและดีขึ้น
ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกเครื่องมือ Mobile Attribution
- ฟีเจอร์และความสามารถ
- ตรวจสอบว่าเครื่องมือมีฟีเจอร์ที่จำเป็น เช่น รองรับโมเดล Attribution หลายประเภท, การติดตามกิจกรรมในแอป (In-App Event Tracking), การตรวจจับการทุจริต (Fraud Detection) และการรายงานข้อมูล
- พิจารณาฟีเจอร์เฉพาะที่อาจต้องการ เช่น การทำ Deep Linking สำหรับแคมเปญ Re-Engagement, การวัดผลการดูโฆษณา (View-Through Attribution) สำหรับแคมเปญวิดีโอ และการใช้ AppsFlyer Referrer สำหรับแคมเปญ Preload
- การเชื่อมต่อระบบ (Integrations)
- เครื่องมือควรสามารถเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มการตลาดและการวิเคราะห์อื่น ๆ ที่คุณใช้งาน เช่น เครือข่ายโฆษณา (Ad Networks), เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล และระบบ CRM (Customer Relationship Management)
- การเชื่อมต่อนี้ช่วยให้การแชร์ข้อมูลเป็นไปอย่างราบรื่น และทำให้เห็นภาพรวมของการตลาดที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
- ตัวอย่างเช่น ตรวจสอบว่าเครื่องมือรองรับการเชื่อมต่อกับเครือข่ายโฆษณาที่รายงานข้อมูลเอง (SRNs) อย่าง Meta Ads, Snapchat และ Google Ads หรือไม่
- ความแม่นยำและความน่าเชื่อถือ
- เครื่องมือควรให้ข้อมูลที่ถูกต้องและน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการตัดสินใจวางกลยุทธ์การตลาด
- ควรเลือกเครื่องมือที่ใช้วิธีการ Attribution แบบ Deterministic เมื่อเป็นไปได้ เพราะโดยทั่วไปจะมีความแม่นยำกว่าวิธีแบบ Probabilistic
- ความง่ายในการใช้งาน
- เครื่องมือควรใช้งานง่ายและเข้าใจได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณไม่มีความเชี่ยวชาญทางเทคนิคมากนัก
- มองหาเครื่องมือที่มีอินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ และมีเอกสารประกอบการใช้งานที่ชัดเจน
- ราคา
- เครื่องมือ Mobile Attribution มีราคาหลากหลายระดับ ควรเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมกับงบประมาณและมีฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ
- การสนับสนุนลูกค้า (Customer Support)
- ตรวจสอบว่าผู้ให้บริการมีการสนับสนุนลูกค้าที่ดีหรือไม่ ในกรณีที่คุณมีปัญหาหรือคำถามเกี่ยวกับการใช้งาน
เครื่องมือ Mobile Attribution ที่ตอบสนองความต้องการเฉพาะของธุรกิจ และช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากสนใจ เครื่องมือ Mobile Attribution สามารถกรอกแบบฟอร์ม เพื่อปรึกษาทีมงานผู้เชี่ยวชาญจาก Predictive ได้เลยค่ะ เรายินดีให้คำปรึกษาเบื้องต้นโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
How we can help
Fill out the form below to discuss your needs or learn more about our services
"*" indicates required fields