Mobile Measurement

Unlocking Mobile Measurement: เมื่อ Shake Shack ใช้แอปฯ เป็นหัวใจของ Customer Engagement

Shake Shack เปิดตัวแอปฯ ของตัวเองตั้งแต่ปี 2017 เพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายของลูกค้าและสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดขึ้น แต่สิ่งที่หลายองค์กรอาจไม่ทันสังเกตคือ แอปฯ เพียงอย่างเดียวไม่ได้สร้างมูลค่าเต็มศักยภาพ ข้อมูลจาก Marketingdive เผยว่าจุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อ Shake Shack ตระหนักว่าการเข้าถึงลูกค้าใหม่และเก่าจำเป็นต้องมี การลงทุนด้านโฆษณาและการวัดผลเชิงลึก พวกเขาจำเป็นต้องลงทุนในการโฆษณาในวงกว้างมากขึ้นเพื่อบรรลุศักยภาพที่ยังไม่ถูกใช้ประโยชน์ และใช้แอปฯ เป็นหัวใจสำคัญในการสร้างมูลค่าและเข้าถึงลูกค้าในยุคดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลง แต่หากมองในมุม Mobile Measurement นี่คือการเรียนรู้ว่า การมีแอปฯ เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ไม่ใช่ปลายทาง ดังนั้น ในบทความนี้ เราจึงอยากชวนคุยว่า ทำไมการแค่มีแอปยังไม่เพียงพอ แต่ต่อวัดผลได้ด้วย

ทำไมการวัดผล Mobile Measurement จึงสำคัญต่อธุรกิจ

หลายองค์กรมีแอปฯ ของตัวเอง แต่กลับพลาดโอกาสในการสร้างมูลค่าจากข้อมูลเชิงลึก การลงทุนใน Mobile Measurement ช่วยให้คุณ:

1.เข้าใจ Customer Journey แบบครบทุก Touchpoint

    การมีแอปฯ ขององค์กรไม่ใช่แค่เรื่อง ดาวน์โหลดหรือสมัครสมาชิก แต่การสร้างมูลค่าแท้จริงเกิดจากการเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าในทุกจุดที่เขาโต้ตอบกับแอปฯ

    ตัวอย่าง Touchpoint สำคัญ:

    • การเปิดใช้งานแอปฯ (App Activation)
      • ไม่ใช่แค่ดาวน์โหลดแล้วจบ
      • ตรวจสอบว่า ลูกค้าเปิดแอปฯ ครั้งแรกเมื่อไหร่
      • ลูกค้าเปิดใช้งานครั้งต่อไปเร็วแค่ไหน
      • ลูกค้าสำรวจหน้าจอหรือฟีเจอร์ใดบ้าง
    • การใช้งานฟีเจอร์หลัก (Feature Engagement)
      • ตัวอย่าง: ลูกค้าใช้ฟังก์ชันจองโต๊ะ, สั่งอาหารล่วงหน้า, สะสมแต้ม, ใช้โปรโมชั่น
      • วัดว่าแต่ละฟีเจอร์ถูกใช้บ่อยแค่ไหน
      • ช่วยให้ทีม Product และ Marketing เข้าใจว่าอะไรสร้างคุณค่าและอะไรยังไม่ตอบโจทย์
    • พฤติกรรมการซื้อและ Conversion (Purchase/Conversion)
      • ลูกค้าเลือกซื้อสินค้า/บริการแบบใด
      • มีช่วงเวลา Peak ของการสั่งซื้อหรือการใช้โปรโมชั่นหรือไม่
      • ข้อมูลช่วยให้วางแผนแคมเปญที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น
    • Retention และ Loyalty Touchpoints
      • ลูกค้ากลับมาใช้งานซ้ำหรือไม่
      • มีการใช้ฟีเจอร์ Reward, Coupon หรือ Notification อย่างไร
      • การวัด Touchpoint เหล่านี้ช่วยสร้างกลยุทธ์รักษาฐานลูกค้าและเพิ่ม Lifetime Value

    2. เพิ่มประสิทธิภาพของ Marketing Spend

    การลงทุนในโฆษณาโดยไม่รู้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนเหมือนการยิงธนูตาบอด—คุณอาจใช้เงินไปกับแคมเปญที่ไม่ได้ผล ในขณะที่โอกาสสร้างมูลค่าที่แท้จริงหลุดมือไป

    การวัดผล Mobile Measurement ช่วยให้คุณ:

    • ระบุแคมเปญที่สร้าง ROI จริง
      • วิเคราะห์ว่าโฆษณาแต่ละแคมเปญทำให้ลูกค้าดาวน์โหลดแอปฯ, ใช้ฟีเจอร์, หรือทำการซื้อจริงหรือไม่
      • ช่วยแยกแคมเปญที่ทำกำไรจากแคมเปญที่สูญเสียค่าใช้จ่าย
    • ปรับงบประมาณโฆษณาอย่างชาญฉลาด
      • เปลี่ยนเงินลงทุนไปยังช่องทางหรือกลุ่มเป้าหมายที่สร้าง Conversion สูงสุด
      • ลดค่าใช้จ่ายกับกลุ่มที่ไม่ได้ตอบสนองหรือ ROI ต่ำ
    • วิเคราะห์ Customer Journey แบบ End-to-End
      • ไม่ใช่แค่ดูการดาวน์โหลดแอปฯ แต่เชื่อมโยงข้อมูลจากโฆษณาออนไลน์ การใช้งานแอปฯ และพฤติกรรมการซื้อ
      • ช่วยให้ Marketing Spend ตรงจุดและสร้างผลลัพธ์ที่จับต้องได้
    • ทดสอบและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง (Continuous Optimization)
      • ใช้ข้อมูลจริงจาก Mobile Measurement ในการทดสอบ A/B Testing, Creative, Timing หรือ Target Audience
      • ปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่ม ROI และลดการเสียโอกาส

    3. สร้างความสัมพันธ์ที่แท้จริงกับลูกค้า

    การมีแอปฯ หรือช่องทางสื่อสารเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอในการสร้าง Loyalty หรือ Engagement ที่แท้จริง การวัดผลเชิงลึก (Deep Mobile Measurement) จะช่วยให้คุณส่ง ข้อความหรือข้อเสนอที่ตรงใจลูกค้า ในเวลาที่เหมาะสม

    ส่งข้อความถูกเวลา (Right Timing)

    • วิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานแอปฯ เช่น เวลา Peak ที่ลูกค้าเปิดแอปฯ หรือใช้ฟีเจอร์
    • ส่ง Notification หรือ Promotion ในช่วงเวลาที่ลูกค้ามีแนวโน้มตอบสนองสูงสุด

    ส่งข้อความถูกกลุ่มเป้าหมาย (Right Audience)

    • แยก Segment ลูกค้าตามพฤติกรรมการใช้งาน เช่น ลูกค้าที่จองโต๊ะบ่อย, ลูกค้าที่สะสมแต้ม, หรือผู้ที่เพิ่งดาวน์โหลดแอปฯ
    • ส่งข้อเสนอเฉพาะกลุ่ม (Personalized Offer) แทนการส่งเหมือนกันทั้งหมด

    ส่งข้อความถูกเนื้อหา (Right Message)

    • ข้อมูล Mobile Measurement ช่วยให้เข้าใจว่าลูกค้าใช้ฟีเจอร์ใดบ้าง หรือสนใจโปรโมชั่นแบบไหน
    • ส่งข้อความที่สอดคล้องกับความสนใจ ลดการรบกวนหรือการส่งซ้ำแบบไม่ตรงใจ

    ลดความเสี่ยงจากการสื่อสารผิดกลุ่ม (Reduce Miscommunication Risk)

    • การวัดผลเชิงลึกช่วยให้คุณไม่สื่อสารโปรโมชั่นที่ไม่เหมาะสม เช่น ส่งโปรโมชั่นอาหารเด็กให้กลุ่มผู้ใหญ่เพียงอย่างเดียว
    • ลดการเสียโอกาสและสร้างความรู้สึกเชื่อมั่นในแบรนด์

      วิธีเริ่มต้น Mobile Measurement อย่างชาญฉลาด

      1.กำหนด KPI ที่จับต้องได้และสอดคล้องกับเป้าหมายธุรกิจ

        ตัวอย่าง KPI ที่สำคัญ:

        • จำนวนผู้ใช้งาน Active Users
          • วัดจำนวนผู้ใช้ที่เข้ามาใช้งานแอปฯ ในช่วงเวลาหนึ่ง เช่น รายวัน (DAU), รายสัปดาห์ (WAU) หรือรายเดือน (MAU)
          • KPI นี้ช่วยให้คุณเข้าใจว่าลูกค้ามี Engagement กับแอปฯ มากน้อยแค่ไหน และติดตามการเติบโตของฐานลูกค้า
        • Conversion Rate
          • วัดว่าเท่าไหร่ของผู้ใช้งานที่ทำกิจกรรมสำคัญ เช่น สั่งอาหาร, จองโต๊ะ, สมัครสมาชิก, หรือใช้โปรโมชั่น
          • Conversion Rate เป็นตัวชี้วัดตรงที่บอกว่า การลงทุนด้าน Marketing หรือ Product มีผลลัพธ์จริงหรือไม่
        • Lifetime Value (LTV)
          • วัดมูลค่าที่ลูกค้าหนึ่งคนสร้างให้กับธุรกิจในช่วงเวลาที่ใช้งานแอปฯ
          • KPI นี้ช่วยให้เข้าใจว่า ลูกค้าแต่ละ Segment คุ้มค่าต่อการลงทุนแค่ไหน และใช้ในการวางกลยุทธ์รักษาฐานลูกค้าและ Loyalty

        หลักการกำหนด KPI ที่ดี:

        1. จับต้องได้ (Measurable)
          • ต้องสามารถวัดผลได้จริง ไม่ใช่ KPI ที่เป็นเพียงแนวคิดหรือความรู้สึก
        2. สอดคล้องกับเป้าหมายธุรกิจ (Aligned with Business Goals)
          • KPI แต่ละตัวต้องตอบคำถามว่า “ช่วยให้ธุรกิจเติบโตหรือสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างไร”
        3. ติดตามและปรับปรุงได้ (Trackable & Actionable)
          • KPI ต้องสามารถติดตามผลแบบ Real-time และนำไปปรับกลยุทธ์ได้ทันที

        2.เลือกเครื่องมือวัดผลที่ครบวงจร

        การมีแอปฯ เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ หากคุณต้องการ วัดผลเชิงลึกและสร้างมูลค่าเต็มศักยภาพ เครื่องมือวัดผลที่ครบวงจรเป็นหัวใจสำคัญ

          องค์ประกอบหลักของเครื่องมือวัดผลครบวงจร:

          • Mobile Attribution
            • ติดตามว่า Traffic หรือ Conversion มาจากช่องทางไหน เช่น Social Ads, Search Ads, Email Campaign
            • เข้าใจ ROI ของแต่ละแคมเปญ และระบุช่องทางที่สร้างผลลัพธ์สูงสุด
            • ตัวอย่างเครื่องมือ: AppsFlyer, Adjust, Branch
          • Marketing Analytics
            • วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าในแอปฯ แบบละเอียด เช่น Feature Engagement, Retention, Session Duration
            • ช่วยระบุว่าฟีเจอร์ไหนลูกค้าชอบ ใช้งานบ่อย และฟีเจอร์ไหนต้องปรับปรุง
            • ตัวอย่างเครื่องมือ: Google Analytics 4, Mixpanel, Amplitude
          • CRM Integration
            • เชื่อมโยงข้อมูลจากแอปฯ กับฐานลูกค้าในระบบ CRM
            • ทำให้สามารถสร้าง Segment ลูกค้าตามพฤติกรรมจริง และออก Campaign แบบ Personalized
            • ตัวอย่าง: Salesforce, HubSpot, Zoho CRM

          ประโยชน์ของการมีเครื่องมือครบวงจร:

          • วิเคราะห์ Customer Journey แบบ End-to-End ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
          • เพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนด้าน Marketing และโฆษณา
          • ลดความซ้ำซ้อนของข้อมูลและความผิดพลาดในการวัดผล
          • สร้างข้อมูลเชิงลึกเพื่อทำ Data-Driven Decision Making

          3.เชื่อมโยงข้อมูลออนไลน์-ออฟไลน์

          ในยุคดิจิทัล หลายองค์กรมักติดกับดักการวัดผลเฉพาะ ข้อมูลออนไลน์ เช่น การดาวน์โหลดแอปฯ, การคลิกโฆษณา หรือการใช้ฟีเจอร์ในแอปฯ แต่พฤติกรรมลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดขึ้นแค่บนหน้าจอ

          การเชื่อมโยงข้อมูลออนไลน์-ออฟไลน์ช่วยให้เข้าใจ Customer Journey แบบครบวงจร (End-to-End)

          ตัวอย่าง Touchpoint ที่ควรเชื่อมโยง:

          • ข้อมูลออนไลน์:
            • การดาวน์โหลดและเปิดใช้งานแอปฯ
            • การใช้ฟีเจอร์ในแอปฯ เช่น การจองโต๊ะ สั่งอาหารล่วงหน้า หรือใช้โปรโมชั่น
            • การตอบสนองต่อโฆษณาออนไลน์และ Notification
          • ข้อมูลออฟไลน์:
            • การซื้อสินค้าหรือบริการที่หน้าร้าน
            • การเข้าร่วมกิจกรรมหรืออีเวนต์
            • การใช้บัตรสะสมแต้มหรือคูปอง

          ประโยชน์ของการเชื่อมโยงข้อมูล:

          • เข้าใจพฤติกรรมลูกค้าแบบครบวงจร
            • รู้ว่าการคลิกโฆษณาหรือการใช้งานฟีเจอร์ในแอปฯ ส่งผลต่อการซื้อสินค้าหน้าร้านอย่างไร
            • ระบุช่องว่าง (Gap) ระหว่าง Touchpoint ออนไลน์กับออฟไลน์
          • สร้าง Segment ลูกค้าแบบแม่นยำ
            • สามารถแยกกลุ่มลูกค้าตามพฤติกรรมทั้งออนไลน์และออฟไลน์
            • ส่งข้อเสนอหรือข้อความที่ตรงใจลูกค้าในทุกช่องทาง
          • เพิ่มประสิทธิภาพการลงทุน Marketing
            • เห็นภาพชัดเจนว่าแคมเปญออนไลน์หรือโปรโมชั่นใดช่วยกระตุ้นยอดขายจริงในร้าน
            • ลดการลงทุนที่ไม่เกิดผล และเพิ่ม ROI

          4.วิเคราะห์และปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง

          การมีข้อมูล Mobile Measurement เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ การสร้างมูลค่าที่แท้จริงเกิดขึ้นเมื่อธุรกิจ ใช้ข้อมูลอย่างต่อเนื่องในการตัดสินใจและปรับกลยุทธ์

          หลักการสำคัญ:

          1. ติดตามผลแบบเรียลไทม์ (Real-time Monitoring)
            • ตรวจสอบพฤติกรรมลูกค้าและ Performance ของแคมเปญอย่างสม่ำเสมอ
            • เช่น จำนวน Active Users, Conversion Rate, Retention Rate
            • ทำให้สามารถระบุปัญหาและโอกาสได้ทันที
          2. วิเคราะห์เชิงลึก (Deep Analysis)
            • เจาะข้อมูลเพื่อค้นหา Insight เช่น ฟีเจอร์ไหนลูกค้าใช้มากที่สุด, ช่องทางไหนสร้าง Conversion สูงสุด
            • วิเคราะห์ Segment ของลูกค้า เพื่อนำเสนอโปรโมชั่นหรือข้อความที่เหมาะสม
          3. ปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง (Continuous Optimization)
            • ใช้ข้อมูลเพื่อปรับแคมเปญ Marketing หรือ Feature ในแอปฯ
            • ตัวอย่าง:
              • แคมเปญโฆษณาที่ CTR ต่ำ → ปรับข้อความหรือ Target Segment
              • ฟีเจอร์ในแอปฯ ที่มี Engagement ต่ำ → ปรับ UX/UI หรือโปรโมชั่นส่งเสริม
          4. ตัดสินใจด้วยข้อมูลจริง (Data-Driven Decision Making)
            • ลดการตัดสินใจแบบ Guesswork หรือความรู้สึกส่วนตัว
            • เพิ่มความแม่นยำในการลงทุน Marketing และ Resource Allocation

          ผลลัพธ์ที่ได้:

          • ลดความเสี่ยงจากการทำแคมเปญที่ไม่เกิดผล
          • เพิ่ม ROI ของการลงทุนทั้งแคมเปญและการพัฒนาแอปฯ
          • เข้าใจลูกค้าได้ชัดเจนและสามารถสร้าง Customer Experience ที่ตอบโจทย์

            ลองจินตนาการว่า ทุกการคลิกของลูกค้าในแอปฯ ไม่ใช่แค่ตัวเลข แต่เป็น โอกาสสร้างความสัมพันธ์และมูลค่าที่จับต้องได้Mobile Measurement ช่วยให้คุณตัดสินใจจาก ข้อมูลจริง ไม่ใช่แค่ความรู้สึกหรือสมมติฐาน ลดการเสียโอกาสและทรัพยากร

            เราสามารถเริ่มจากการถามตัวเอง:

            • ข้อมูลการใช้งานแอปฯ ของเราบอกอะไรเราได้บ้าง?
            • เราใช้ข้อมูลเหล่านี้อย่างไรเพื่อเพิ่มประสบการณ์ลูกค้าและมูลค่าแบรนด์?

            ที่ Predictive เราเข้าใจว่า การมีแอปฯ ไม่เพียงพอ แต่การสร้าง Mobile Measurement Strategy และ Data-Driven Marketing คือหัวใจของการเติบโตแบบยั่งยืน ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมช่วยคุณ:

            • ออกแบบ Mobile Measurement ที่เชื่อมโยงทุก Touchpoint
            • วิเคราะห์และแปลผลข้อมูลให้เป็นกลยุทธ์การตลาดที่จับต้องได้
            • เพิ่มประสิทธิภาพการลงทุนในโฆษณาและ Engagement

            เริ่มต้นวันนี้ ให้ Predictive ช่วยคุณปลดล็อกมูลค่าจากแอปฯ ของคุณอย่างเต็มศักยภาพ

            📋 แบบฟอร์มด้านล่าง หรือ

            📞โทร. 02-096-6362 กด 2 เพื่อติดต่อฝ่ายขาย

            📱 Line: @predictive (มี @ ด้วยนะคะ)

            ✉️ Email : marketing@predictive.co.th

            How we can help

            Fill out the form below to discuss your needs or learn more about our services

            "*" indicates required fields

            Name*
            Please let us know what's on your mind. Have a question for us? Ask away.
            This field is for validation purposes and should be left unchanged.