เชื่อว่าหากธุรกิจของคุณมีเว็บไซต์ คุณน่าจะใช้ Google Analytics 4 (GA4) ในการวิเคราะห์และปรับปรุงเว็บไซต์อยู่แล้ว แต่เมื่อธุรกิจของคุณเติบโตขึ้น คุณอาจเริ่มมองหาเครื่องมือที่มีศักยภาพสูงกว่าในการวิเคราะห์ข้อมูลเว็บไซต์ แล้วจุดไหนล่ะที่ควรเริ่มพิจารณาอัปเกรดจาก Google Analytics 4 เป็น Google Analytics 360(GA360) ?
ในบทความนี้ เราจะพาคุณสำรวจว่าธุรกิจของคุณพร้อมสำหรับการยกระดับสู่ Google Analytics 360 แล้วหรือยัง พร้อมกับ Checklist สำคัญที่จะช่วยเพิ่มศักยภาพการวิเคราะห์ข้อมูลและขับเคลื่อนธุรกิจของคุณให้เติบโตไปอีกขั้น!
เลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
เปรียบเทียบ Google Analytics 4 (GA4) และ Google Analytics 360 (GA360) : ธุรกิจของคุณเหมาะกับโซลูชันใด ?

การเลือกใช้เครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลที่เหมาะสมกับธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างโอกาสการเติบโตให้ธุรกิจ Google Analytics 4 (GA4) และ Google Analytics 360 (GA360) เป็นโซลูชันที่มีจุดเด่นและความสามารถที่แตกต่างกัน มาดูกันว่าธุรกิจของคุณเหมาะกับตัวเลือกใด
1. ความสามารถด้านการวิเคราะห์ (Analytics Capabilities)
GA4 :
- ขนาดเล็กถึงกลางที่ต้องการเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน
- เน้นการวิเคราะห์ Event-Based Data และการติดตาม User Journey
- รองรับการผสานข้อมูลกับ Google Ads และ Firebase
GA360 :
- เหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการข้อมูลในระดับเชิงลึกและการวิเคราะห์แบบ Advance
- มีฟีเจอร์พิเศษ เช่น Roll-Up Property, Unsampled Reports, BigQuery Export
- รองรับการวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายโดเมนและหลายแหล่งข้อมูล
2. การรองรับปริมาณข้อมูล (Data Limitations)
GA4 :
- มีข้อจำกัดในด้านการเก็บข้อมูล (Sampling) เมื่อปริมาณข้อมูลมากเกินไป
- การสร้างรายงานเชิงลึกอาจมีข้อจำกัดในบางกรณี
GA 360
- ไม่มีการ Sampling สำหรับรายงานที่สำคัญ
- เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องจัดการข้อมูลปริมาณมหาศาล
3. การใช้งานในอุตสาหกรรมเฉพาะ (Industry-Specific Use Cases)
GA4:
- เพียงพอสำหรับธุรกิจทั่วไป เช่น ธุรกิจอีคอมเมิร์ซขนาดเล็ก หรือธุรกิจที่ต้องการวิเคราะห์ลูกค้าทั่วไป
GA360:
- เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การเงิน การท่องเที่ยว การบริการ หรือธุรกิจที่มีหลายสาขา
- เช่น Custom Funnels ช่วยวิเคราะห์เส้นทางการหลุดออกของลูกค้าในธุรกิจการบริการ
- ตัวอย่างการใช้งาน: การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
4. การรองรับทีมงานและองค์กร (Organizational Support)
GA4:
- เหมาะสำหรับทีมงานที่ต้องการเริ่มต้นใช้งานง่ายและเรียนรู้ระบบได้อย่างรวดเร็ว
- ค่าใช้จ่ายฟรี เหมาะสำหรับธุรกิจที่มีงบประมาณจำกัด
GA360:
- เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการฟีเจอร์เฉพาะและการสนับสนุนระดับองค์กร
- มีทีมซัพพอร์ตเฉพาะทางเพื่อช่วยเหลือการใช้งาน
5. ค่าใช้จ่ายและการลงทุน (Cost and Investment)
GA4:
- ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
GA360:
- มีค่าใช้จ่ายสูง แต่คุ้มค่าสำหรับองค์กรที่ต้องการข้อมูลแม่นยำเพื่อตัดสินใจเชิงกลยุทธ์
5 Checklist สำคัญ: ธุรกิจของคุณพร้อมสำหรับ Google Analytics 360 (GA360) หรือยัง?
การอัปเกรดจาก GA4 (Google Analytics 4) เป็น GA360 (Google Analytics 360) ไม่ใช่เพียงแค่การเพิ่มเครื่องมือที่ทรงพลังขึ้น แต่ยังเป็นการลงทุนที่ต้องมั่นใจว่าธุรกิจพร้อมสำหรับการใช้งานฟีเจอร์ขั้นสูงอย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด ต่อไปนี้คือ เกณฑ์สำคัญ ที่ธุรกิจควรตรวจสอบก่อนตัดสินใจอัปเกรด
1. การเข้าชมเว็บไซต์ (Sessions)
- GA4 มีข้อจำกัดในการทำ Sampling เมื่อมีการเข้าชมเว็บไซต์จำนวนมาก เช่น เมื่อ มีมากกว่า 500,000 session/เดือน ในแต่ละ Property
- หากธุรกิจของคุณมี มากกว่า 100,000 session/วัน หรือ 3,000,000 session/เดือน จะเริ่มเห็นผลกระทบจากการใช้ Sampling ในรายงานของ GA4
2. ข้อมูลที่ส่งจากแหล่งอื่น (Hits/Data Points)
- GA360 รองรับการประมวลผลข้อมูลได้มากขึ้น โดยที่คุณจะสามารถ เก็บข้อมูลที่ไม่ถูกสุ่มตัวอย่าง (Unsampled) สำหรับการวิเคราะห์ที่มีความแม่นยำสูงขึ้น
- หากเว็บไซต์ของคุณมี ข้อมูลเชิงลึกที่ต้องการเก็บเกี่ยวกับผู้ใช้งาน หรือการทำ E-commerce Tracking ที่มีรายละเอียดสูง การใช้ GA360 จะทำให้คุณได้ข้อมูลครบถ้วนสำหรับการตัดสินใจที่ดีขึ้น
3. การรวมข้อมูล (Data Integration)
- ตรวจสอบว่าธุรกิจของคุณต้องการ Integration กับเครื่องมือขั้นสูง เช่น Google BigQuery, Display & Video 360 (DV360), และ Campaign Manager 360 เพื่อการวิเคราะห์และทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มโฆษณา
4. การสนับสนุนระดับองค์กร (Enterprise Support)
- ธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องการการ Support โดยตรงจาก Google และ SLA ระดับองค์กร (Service Level Agreement) ควรพิจารณา GA360 ซึ่งมีทีมงานคอยช่วยเหลืออย่างมืออาชีพ
5. งบประมาณและ ROI (Budget & ROI)
ค่าใช้จ่ายสำหรับ Google Analytics 360 (GA360) ขึ้นอยู่กับขนาดของธุรกิจและปริมาณข้อมูลที่ต้องการวิเคราะห์ ซึ่งคำนวณจากจำนวน Sessions และฟีเจอร์ที่ใช้ในระบบ.
5.1 วิธีคำนวณว่า GA360 คุ้มค่าหรือไม่
การคำนวณว่า การลงทุนใน GA360 คุ้มค่าหรือไม่ สามารถพิจารณาจาก ROI (Return on Investment) โดยพิจารณาปัจจัยหลักๆ ดังนี้:
5.1.1 การเพิ่มรายได้ (Revenue Growth)
- การเพิ่ม Conversion Rate:
หาก GA360 ช่วยให้คุณสามารถ เข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งาน ได้ดีกว่า เช่น การใช้ Custom Funnels, Audience Segmentation, หรือ Enhanced Ecommerce คุณสามารถ ปรับกลยุทธ์การตลาด หรือ ปรับปรุงเว็บไซต์ เพื่อ เพิ่ม Conversion Rate หรือ การขาย ได้- ตัวอย่าง: หาก Conversion Rate ของคุณเพิ่มขึ้น 1% จาก 2% เป็น 3% และแต่ละ Conversion นำรายได้มา 1,000 บาท คุณจะเห็น รายได้เพิ่มขึ้น จาก 2,000,000 บาท (100,000 Conversion) เป็น 3,000,000 บาท (150,000 Conversion)
5.1.2 การลดค่าใช้จ่าย (Cost Reduction)
- การตัดสินใจที่แม่นยำยิ่งขึ้น:
ด้วยข้อมูล Unsampled Data ที่ GA360 มีให้ คุณสามารถทำการตัดสินใจที่แม่นยำขึ้นในการทำการตลาดและลดการใช้งบประมาณในแคมเปญที่ไม่สร้างผลลัพธ์สูง เช่น การโฆษณาที่ไม่ตรงกลุ่มเป้าหมายหรือการใช้เครื่องมือที่มีค่าใช้จ่ายสูงโดยไม่จำเป็น- ตัวอย่าง: หากคุณสามารถลดค่าใช้จ่ายโฆษณาที่ไม่เป็นผลลัพธ์ได้ 15% ด้วยการใช้ข้อมูลที่แม่นยำจาก GA360 ก็สามารถประหยัดได้ถึง 300,000 บาท จากค่าใช้จ่ายโฆษณา 2,000,000 บาท
5.1.3 การเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการวิเคราะห์ (Operational Efficiency)
- ลดเวลาที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล:
GA360 สามารถช่วยทีมการตลาดและการวิเคราะห์ประหยัดเวลาในการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล เช่น การใช้ฟีเจอร์ Advanced Custom Reporting และ BigQuery Integration ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลในหลายมิติสามารถทำได้รวดเร็วขึ้น ส่งผลให้การตัดสินใจในเชิงธุรกิจเร็วขึ้น- ตัวอย่าง: หากทีมของคุณสามารถลดเวลาการวิเคราะห์ข้อมูลลง 20% และทำให้ตัดสินใจเร็วขึ้น ทำให้คุณสามารถปรับกลยุทธ์ได้เร็วขึ้นและเพิ่มรายได้
ความแตกต่างในด้านความปลอดภัยของข้อมูลระหว่าง Google Analytics 4 (GA4) และ Google Analytics 360 (GA360)
ในยุคที่ข้อมูลกลายเป็นทรัพย์สินสำคัญของธุรกิจเกือบทุกแห่ง การปกป้องข้อมูลลูกค้าจึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้ โดยเฉพาะกับเครื่องมือที่ช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูลอย่าง Google Analytics 360 (GA360) และ Google Analytics 4 (GA4) ที่ต่างมุ่งเน้นการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า แต่มีความแตกต่างกันในด้านฟีเจอร์และเครื่องมือที่ใช้ในการรักษาความปลอดภัย ดังนี้:
1. การควบคุมการเข้าถึงข้อมูล (Data Access Control)
GA360:
GA360 มอบความสามารถในการควบคุมการเข้าถึงข้อมูลในระดับสูง โดยสามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลและฟีเจอร์ต่างๆ ได้อย่างละเอียด โดยสามารถระบุได้ว่าใครสามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกหรือสามารถตั้งค่าระบบได้บ้าง ฟีเจอร์ Data Governance ใน GA360 ช่วยให้สามารถจัดการสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลได้ในระดับที่แตกต่างกัน เช่น การจำกัดการเข้าถึงข้อมูลเฉพาะแผนกหรือบุคคลในระดับที่แตกต่างกัน ซึ่งช่วยป้องกันการเข้าถึงข้อมูลที่ไม่เหมาะสม
GA4:
GA4 ก็มีฟีเจอร์การควบคุมการเข้าถึงข้อมูลเช่นกัน แต่การตั้งค่าใน GA4 อาจไม่ละเอียดเท่า GA360 โดยสามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลได้ในระดับพื้นฐาน เช่น การดูข้อมูลวิเคราะห์ แต่ยังไม่สามารถแยกการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกได้เหมือนใน GA360
2. การจัดการข้อมูลการเก็บข้อมูล (Data Retention and Deletion)
GA360:
GA360 รองรับการตั้งค่าระยะเวลาในการเก็บข้อมูล (Data Retention) ที่สามารถกำหนดได้ตามข้อกำหนดทางกฎหมาย เช่น GDPR หรือ CCPA โดยสามารถตั้งค่าการลบข้อมูลอัตโนมัติหลังจากระยะเวลาที่กำหนด หรือเลือกเก็บข้อมูลลูกค้าได้ตลอดไป หากจำเป็น นอกจากนี้ GA360 ยังสามารถลบข้อมูลลูกค้าหรือข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างละเอียดเมื่อลูกค้าต้องการ
GA4:
GA4 มีฟีเจอร์ในการจัดการการเก็บข้อมูลคล้ายกับ GA360 แต่บางฟังก์ชันยังไม่ยืดหยุ่นเท่า GA360 โดยเฉพาะในด้านการจัดการข้อมูลในระยะยาว หรือการตั้งค่าการเก็บข้อมูลที่ละเอียด
3. การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า (Data Security)
GA360:
GA360 ใช้มาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดในการเข้ารหัสข้อมูลทั้งในระหว่างการส่งข้อมูล (Data in transit) และการเก็บข้อมูล (Data at rest) เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญ ฟีเจอร์การรักษาความปลอดภัยใน GA360 ได้รับการออกแบบมาให้สอดคล้องกับข้อกำหนดทางกฎหมายต่างๆ เช่น GDPR และสามารถป้องกันการเข้าถึงข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาต
GA4:
GA4 ก็มีมาตรฐานความปลอดภัยที่สูง โดยใช้การเข้ารหัสข้อมูลเช่นเดียวกัน แต่ฟีเจอร์บางอย่างยังไม่ละเอียดเท่าใน GA360 ซึ่งอาจเหมาะกับการใช้ในธุรกิจขนาดเล็กหรือองค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่นมากขึ้น
4. การติดตามและตรวจสอบการเข้าถึงข้อมูล (Audit Logging)
GA360:
GA360 มีฟีเจอร์ Audit Logs ที่ช่วยให้สามารถติดตามกิจกรรมต่างๆ เกี่ยวกับการเข้าถึงข้อมูลได้อย่างละเอียด เช่น สามารถตรวจสอบว่าใครได้ทำการเปลี่ยนแปลงข้อมูล หรือการตั้งค่าในระบบได้บ้าง ฟีเจอร์นี้ช่วยให้การตรวจสอบและการควบคุมการใช้งานข้อมูลเป็นไปอย่างโปร่งใส
GA4:
GA4 ยังไม่มีฟีเจอร์ Audit Logs ที่มีความละเอียดเท่า GA360 ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดในการติดตามหรือแก้ไขการเข้าถึงข้อมูลที่ไม่เหมาะสมในบางกรณี
5. การปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมาย (Compliance)
GA360:
GA360 รองรับการปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายที่เข้มงวดเช่น GDPR และ CCPA ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเครื่องมือที่ช่วยในการจัดการข้อมูลลูกค้าอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งการเก็บข้อมูล การลบข้อมูล หรือการขอข้อมูลจากลูกค้า ทำให้ธุรกิจสามารถตอบสนองความต้องการด้านความปลอดภัยและการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้
GA4:
GA4 ก็รองรับการปฏิบัติตามข้อกำหนดเหล่านี้ได้ แต่บางฟีเจอร์ในการจัดการข้อมูลยังไม่ครบถ้วนเท่า GA360 ซึ่งอาจทำให้บางองค์กรที่มีความซับซ้อนด้านการปฏิบัติตามกฎหมายต้องพิจารณาเลือกใช้ GA360
ทั้ง GA360 และ GA4 มีฟีเจอร์ในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้าในระดับสูง แต่ GA360 จะมีเครื่องมือที่ละเอียดและครอบคลุมมากกว่า เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการการควบคุมและการจัดการข้อมูลในระดับองค์กรหรือที่มีความซับซ้อนสูง ในขณะที่ GA4 อาจเหมาะสำหรับธุรกิจที่เพิ่งเริ่มต้นหรือธุรกิจขนาดเล็กที่ต้องการความยืดหยุ่นในการใช้งาน
ตัวอย่างการลงทุนใน Google Analytics 360 (GA360) ที่ช่วยธุรกิจในอุตสาหกรรมต่างๆ
Google Analytics 360 (GA360) เป็นเครื่องมือที่มีฟีเจอร์และความสามารถที่หลากหลายในการวิเคราะห์ข้อมูล โดยเฉพาะในธุรกิจที่ต้องการข้อมูลเชิงลึกในการตัดสินใจทางธุรกิจ หากคุณลงทุนใน GA360 ให้กับธุรกิจของคุณ นี่คือตัวอย่างการใช้งานที่สามารถช่วยเพิ่ม ROI ให้กับธุรกิจต่างๆ:
KFC วิเคราะห์ Customer Journey ระบุจุดอ่อนและจุดแข็ง พัฒนาแคมเปญการตลาด และออกแบบ Customer Journey ที่ดึงดูดลูกค้า เพิ่มยอดขาย และสร้างธุรกิจที่ยั่งยืนด้วย GA360
KFC ใช้ GA360 ในการวิเคราะห์เส้นทางการซื้อของลูกค้า (Customer Journey) เพื่อระบุจุดอ่อนและจุดแข็งในการบริการและการตลาด พวกเขาใช้ข้อมูลเชิงลึกจาก GA360 เพื่อปรับปรุงแคมเปญการตลาดและเพิ่มประสิทธิภาพในการดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นและพัฒนาธุรกิจให้ยั่งยืนได้ในระยะยาว โดยใช้เครื่องมือที่มีความแม่นยำในการติดตามพฤติกรรมลูกค้าในทุกขั้นตอน
การตลาดแบบออนไลน์สู่ออฟไลน์ (O2O): ใช้ GA360 ในการช่วยระบุกลุ่มเป้าหมายและเก็บข้อมูลที่แม่นยำยิ่งขึ้น
การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างออนไลน์และออฟไลน์เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า GA360 ช่วยให้ธุรกิจสามารถเก็บข้อมูลจากทั้งสองช่องทางได้อย่างแม่นยำและครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้าออนไลน์หรือการเข้ามาที่ร้านค้า การใช้ GA360 ช่วยให้สามารถระบุกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน และนำข้อมูลนี้ไปใช้ในการพัฒนาแคมเปญที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
McDonald’s ใช้ Google Analytics 360 เพื่อปรับแคมเปญการตลาด เพิ่มยอดขาย และพัฒนาผลิตภัณฑ์
McDonald’s ใช้ GA360 ในการวิเคราะห์ข้อมูลจากสาขาต่างๆ เพื่อระบุว่าแต่ละสาขาควรใช้แคมเปญการตลาดแบบใดที่เหมาะสมที่สุด ข้อมูลจาก GA360 ช่วยให้ McDonald’s สามารถปรับแต่งแคมเปญและนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกจากการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันและการซื้อขายในแต่ละพื้นที่ ช่วยเพิ่มยอดขายและเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า
L’Oréal ใช้การวิเคราะห์ข้อมูลจาก Google Analytics 360 เพื่อเชื่อมช่องว่างระหว่างออนไลน์และออฟไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ
L’Oréal ใช้ GA360 ในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำแคมเปญการตลาด โดยการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างช่องทางออนไลน์และออฟไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ ข้อมูลที่ได้ช่วยให้ L’Oréal สามารถปรับแคมเปญให้เหมาะสมกับพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่ม ทั้งนี้ทำให้แบรนด์สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายและสร้างการเชื่อมโยงที่แข็งแกร่งระหว่างประสบการณ์ออนไลน์และออฟไลน์
ธุรกิจการท่องเที่ยวและบริการใช้ GA360 เพื่อแบ่งกลุ่มลูกค้าตามข้อมูลประชากรและพฤติกรรม
GA360 ช่วยให้ธุรกิจในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการสามารถแบ่งกลุ่มลูกค้าได้อย่างละเอียดตามข้อมูลประชากร พฤติกรรม และความสนใจ ข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์สามารถนำไปใช้ในการสร้างแคมเปญการตลาดที่มีประสิทธิภาพ และปรับเนื้อหาของเว็บไซต์ให้ตรงกับความต้องการของแต่ละกลุ่มลูกค้า ข้อเสนอที่เกี่ยวข้องจะถูกนำเสนอให้กับลูกค้าในเวลาที่เหมาะสม ช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
พร้อมยกระดับการวิเคราะห์ข้อมูลหรือยัง? ลองตรวจสอบ 5 ข้อเช็คลิสต์สำคัญเพื่อเตรียมความพร้อมในการใช้ Google Analytics 360 และเพิ่มศักยภาพการวิเคราะห์ข้อมูลในธุรกิจของคุณ
ตอนนี้คุณใช้ Google Analytics 4 (GA4) ในการวิเคราะห์ข้อมูลอยู่หรือไม่? หลังจากที่ทำเช็คลิสต์แล้ว คุณพร้อมจะเปลี่ยนมาใช้ Google Analytics 360 หรือยัง? หรือมีส่วนไหนใน GA4 ที่คุณคิดว่าต้องการปรับปรุงเพิ่มเติมบ้าง? แชร์ความคิดเห็นของคุณกับเรา! ทีม Predictive เราเป็นผู้เชี่ยวชาญและเป็น Partner กับ Google พร้อมให้คำปรึกษากับธุรกิจของคุณเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน
อ้างอิง บริษัท Predictive เป็นพันธมิตรกับ Google ในการให้บริการต่างๆ https://enterprisemarketingportal.google/auth/find-a-partner/predictiveco.%252Cltd.-th?partnerNameFilters=Predictive&countriesFilter=AU&countriesFilter=CN&countriesFilter=HK&countriesFilter=IN&countriesFilter=ID&countriesFilter=JP&countriesFilter=MY&countriesFilter=NZ&countriesFilter=PK&countriesFilter=SG&countriesFilter=KR&countriesFilter=LK&countriesFilter=TW&countriesFilter=TH&countriesFilter=VN®ionsFilter=APAC&a=2137609560
ข้อมูลอ้างอิง https://services.google.com/fh/files/misc/google_analytics_360_suite_overview_google_partners.pdf
How we can help
Fill out the form below to discuss your needs or learn more about our services
"*" indicates required fields