กลยุทธ์ SEO

กลยุทธ์ SEO ช่วยทำการตลาดช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวได้อย่างไร

ช่วงเศรษฐกิจติดขัดเมื่อไหร่ ไม่ว่าธุรกิจไหนๆ ก็อยากประหยัดรายจ่าย หาวิถีทางเพิ่มรายได้ และตัดงบที่ไม่จำเป็น SEO จึงเป็นหนึ่งตัวช่วยให้การทำการตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น คุ้มค่าการลงทุน จ่ายน้อยแต่ได้มากเพื่อสร้างกำไรที่ยั่งยืน

ทำไมต้องใช้ SEO ทำการตลาด

เพราะการทำ SEO เป็นโอกาสเหมาะของการลงทุนในช่วงที่ต้องประหยัดงบ หวังผลตอบแทนที่ยืนยาว ไปพร้อมการก้าวนำหน้าคู่แข่งด้วยตัวตนที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องสิ้นเปลืองค่าโฆษณาเพิ่มแต่อย่างใด ดังนั้นแล้ว SEO จะส่งผลดีต่อการทำการตลาดอย่างยั่งยืนในระยะยาว

SEO คือการวางเป้าหมายระยะยาว

คนทำการตลาดที่เคยยิงแอดโฆษณาอาจจะเปรียบเทียบได้ว่านี่เป็นการลงทุนที่ไม่ต่างการซื้อหุ้น ด้วยราคาที่ขึ้นลงอยู่ตลอด ลงทุนไปแล้วไม่อาจการันตีผลลัพธ์ที่แน่นอนเพราะบางทีก็ไม่ชัวร์ว่าเมื่อจ่ายค่าคลิกไปแล้ว (PPC) จะมีคนที่คลิกเข้ามาและซื้อสินค้าหรือไม่ ด้วยเหตุผลนี้เองการทำ SEO จึงเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ตอบโจทย์ได้มากกว่าเมื่อต้องการประหยัดต้นทุนเรื่องโฆษณา มั่นใจได้ว่าจะดึงดูดผู้คนเข้ามายังหน้าเว็บไซต์ได้โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณาแม้แต่บาทเดียว

ยกตัวอย่าง Kroger แบรนด์ค้าปลีกสินค้า Grocery เจ้าใหญ่ของอเมริกาที่วางกลยุทธ์แข่งขันในตลาด eCommerce มาทำ SEO อย่างจริงจังเพื่อให้ Generic Keywords ติดอันดับบน Google  แน่นอนว่าหากเป็นการซื้อแอดเหมือนอย่างเดิมเพื่อให้คำทั่วไปๆ (non-branded keywords) ขึ้นหน้าแรกบน Google แบรนด์จะต้องทุ่มเงินเป็นจำนวนไม่น้อยเพื่อให้ตัวโฆษณายังคงติดอันดับอยู่ตลอด กลยุทธ์การทำ SEO ของ Kroger จึงมีเป้าหมายเพื่อต้องการลดการพึ่งพาเรื่องยิงแอดลงโดยการพัฒนาคอนเทนต์ใหม่ๆ ที่ตรงกับความสนใจของของกลุ่มเป้าหมายและสร้างตัวตนให้เป็นที่รู้จักในระยะยาว การเปลี่ยนกลยุทธ์นี้ทำได้เพิ่ม organic traffic เข้ามายังเว็บไซต์มากขึ้น 7% เทียบกับปีก่อนหน้า 

กลยุทธ์ทำ SEO อย่างไรให้ธุรกิจเติบโตแม้เศรษฐกิจไม่เป็นใจ

เปิดรับกลยุทธ์ทำการตลาดแบบ Customer-first marketing strategy

ช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน การทำการตลาดแบบลูกค้ามาก่อน (Customer-first marketing) คือกลยุทธ์ครองใจ เพราะเน้นความเข้าใจใน Pain Point ของลูกค้าและนำเสนอทางออกที่ดีกว่า ให้ความสำคัญกับว่าโปรดักส์ที่มีจะช่วยแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้อย่างไร แน่นอนว่าสิ่งที่จะได้กลับมาคือความไว้เนื้อเชื่อใจจากลูกค้าซึ่งเป็นหัวใจของธุรกิจ

การฟังเสียงลูกค้า คือการที่จะเข้าถึงใจลูกค้า เพราะไม่ว่าจะคีย์เวิร์ดใดๆ ที่ค้นหาบน google ล้วนมีส่วนบอกว่าลูกค้ากำลังต้องการอะไร การทำความเข้าใจกับคีย์เวิร์ดเหล่านี้จะช่วยให้แบรนด์รู้ได้ว่าจะเข้าถึงลูกค้าได้อย่างไร ทำอย่างไรลูกค้าถึงจะเข้าหาและวางใจในสินค้าที่นำเสนอ นี่จึงเป็นเหตุผลเดียวกันที่อัลกอริทึมของกูเกิ้ลจะให้ความสำคัญกับเนื้อหาเว็บไซต์ที่ทำมาตอบปัญหาคนทั่วไปจริงๆ

หาโอกาสใหม่ๆ ผ่าน Search Data

เบื้องหลังการทำ SEO คือขุมทรัพย์ของข้อมูลลูกค้า ไม่ว่าจะผ่าน google search console หรือ google analytic ดาต้าที่มีอยู่แล้วเหล่านี้จะปลดล็อกคุณค่าทางธุรกิจที่แท้จริง สิ่งสำคัญคือการหา insight จาก first-party data เพื่อให้ได้คำตอบว่าผู้คนกำลังมองหาอะไร ลูกค้ามีการใช้งานเว็บไซต์ของเราอย่างไร มีอะไรบ้างที่ต้องปรับปรุง และจะทำอย่างไรถึงจะพัฒนา customer experience ให้ดีขึ้นได้

เชื่อมโยงข้อมูลทั้ง Paid และ Organic

เมื่อตั้งใจจะลงทุนกับการทำ SEO การนำข้อมูลจาก paid และ organic มาทำงานร่วมกันคือวิธีประหยัดค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่ทำได้เลยตั้งแต่ตอนนี้ เพราะเป็นความจริงที่ว่าการทำ PPC นั้นต้องใช้งบประมาณจำนวนไม่น้อยในการ bidding คีย์เวิร์ดแถมยังแข่งขันสูงอยู่ตลอดเวลา แต่หากเชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับ organic ธุรกิจย่อมรู้ได้ทันทีว่าคีย์เวิร์ดไหนที่ทำอันดับได้ดีอยู่แล้วต่อให้ไม่ยิงแอดก็ตาม

หากจะลดต้นทุนที่เคยใช้ทำ PPC ในคีย์เวิร์ดเหล่านี้ไปเน้นคีย์เวิร์ดอื่นๆ ก็สามารถทำได้ อย่างเช่นการยิงแอดเพื่อทดสอบคีย์เวิร์ดที่โฟกัส เพื่อหาว่าคำไหนสร้าง conversion ได้ดี จากนั้นจึงสร้างคอนเทนต์มารองรับคำเหล่านี้เพื่อสร้างกำไรแบบออร์แกนิกในระยะยาวและลดทอนงบที่จะต้องเสียไปกับการยิงแอดอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าย่อมเป็นทางออกที่ดีในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว

สร้างคอนเทนต์ใหม่และพัฒนาเว็บไซต์อยู่เสมอ

เนื้อหาที่มีคุณภาพดีบนเว็บไซต์คือหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดผู้คนเข้ามารู้จักกับความเป็นธุรกิจ การลงทุนทำ SEO ให้เป็นผลสำเร็จจึงต้องอาศัยการสร้างคอนเทนต์ใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์กับความต้องการที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้นของผู้ใช้ รวมทั้งพัฒนาเว็บไซต์อยู่เสมอเพื่อสร้างประสบการณ์ใช้งานที่น่าพึงพอใจกลับไป โดย 2 หัวใจสำคัญอยู่ที่

ใส่ใจสุขภาพของเว็บไซต์

เว็บไซต์ที่มีสุขภาพดีคือเว็บไซต์ที่ทำงานได้ดี มีผลต่ออันดับของเว็บไซต์ การคอยดูแลสุขภาพเว็บไซต์เป็นประจำ เช่น ตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอว่ามีการแย่งอันดับกันเองในเว็บไซต์หรือไม่ มีหน้าไหนที่คลิกเข้ามาแล้วไม่เจออะไรหรือมีปัญหาการใช้งานที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขหรือไม่ 

ลงทุนกับคอนเทนต์ 

ทุกคอนเทนต์ถูกสร้างมาด้วยจุดประสงค์ต่างกัน สิ่งสำคัญคือการรู้ว่าคอนเทนต์ไหนบ้างที่มีส่วนใน customer journey จากนั้นจึงลงแรงเพิ่มเพื่อสร้าง พัฒนา และติดตามประสิทธิภาพของคอนเทนต์นั้น สิ่งสำคัญคือการทำให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จักและพบเจอได้ง่ายเมื่อค้นหา การทำ SEO จึงต้องอาศัยทั้ง Technical และ On-Page เพื่อเติมเต็มศักยภาพการตลาดได้อย่างดีที่สุด 

ดังนั้นแล้วการลงทุนทำ SEO จึงเป็นการลงทุนเพื่ออนาคต แน่นอนว่าที่ Predictive เรามีบริการทำ SEO โดยทีมงานคุณภาพพร้อมซัพพอร์ตทุกก้าวย่างของการผลักดันเว็บไซต์ให้เป็นที่รู้จักและดึงดูดกลุ่มเป้าหมายมาสู่ธุรกิจของคุณ การทำงานของทีม SEO ที่พรีดิกทีฟจะครอบคลุมตั้งแต่

  • Strategy & Keyword Planning โดยการวางกลยุทธ์การทำ SEO ตั้งแต่แรกเริ่มเพื่อให้ธุรกิจของคุณไปถึงฝั่งฝันด้วยแผนการทำ SEO ที่ customized มาเพื่อธุรกิจของคุณโดยเฉพาะพร้อมด้วยการวิเคราะห์ Keyword ด้วย Keyword Research รวมทั้งการทำ SEO Audit และ Competitive Analysis เพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถลำดับความสำคัญและดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • On-Page Optimization ตั้งแต่การ Audit Site Structure จัดทำ Template Guideline เพื่อวางแนวทางการทำ SEO ไปจนถึง SEO On-Page Optimization
  • Content Scope การผลิตคอนเทนต์คุณภาพเล่าถึง Brand Narrative เพื่อเพิ่ม Search Visibility ให้กับเว็บไซต์ของคุณ
  • On-Page Improvement Implementations จัดทำ Template Guideline เพื่อให้การทำ SEO เกิดผลสำเร็จ
  • Off-Page Planning & Analysis ตรวจสอบคุณภาพและประสิทธิภาพการทำ Backlinks วิเคราะห์คู่แข่งเพื่อให้ธุรกิจของคุณอยู่เหนือกว่า รวมถึงวางแผนการทำ Backlinks ในอนาคต
  • Monitoring, Analysis, & Reporting การติดตามผลการทำ SEO อย่างต่อเนื่อง วิเคราะห์สถานการณ์และผลลัพธ์การทำ SEO พร้อมรายงานผลสรุปเพื่อให้ธุรกิจของคุณเห็นภาพรวมทั้งหมดและสามารถ

ใครที่กำลังหนักใจกับ Organic Traffic ที่ไม่เพิ่มขึ้นสักที หรือ ต้องการที่จะทำอันดับเว็บไซต์ให้สูงขึ้นกว่าเดิม หากต้องการทีม SEO คุณภาพมาช่วย Optimize เว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม สามารถติดต่อ Predictive เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย และเรายินดีให้คำปรึกษาเบื้องต้นโดยไม่มีค่าใช้จ่าย