7 ใน 10 ของผู้บริหาร มีการเร่งทำให้ธุรกิจตัวเองเป็นดิจิทัล เพื่อให้ธุรกิจไปต่อได้หลัง Covid-19 ซึ่งจะเห็นได้ว่า มีการเพิ่มงบประมาณในฝั่งของ IT และ เทคโนโลยี สูงขึ้นถึง 6.9% ในปี 2021
แต่หลายๆ ธุรกิจมักติดกับดักโดย มุ่งเน้นแต่การนำดิจิทัลมาใช้ในธุรกิจจนลืมดูความพร้อมของ resource ภายในองค์กรว่าสามารถรองรับการเป็นดิจิทัลได้แล้วหรือยัง ดังนั้นเพื่อให้ไปสู่เป้าหมายของการทำให้ธุรกิจเป็นดิจิทัลได้สำเร็จ ผู้บริหารต้องวางการพัฒนา Resource ภายในให้สอดคล้องกับเป้าหมายด้วยค่ะ
ดังนั้นก่อนที่จะเริ่มเปลี่ยนธุรกิจให้เป็นดิจิทัล ควรมี 3 ขั้นตอนเพื่อเป็นการเช็คว่าองค์กรของคุณมีความพร้อมแล้วหรือยัง โดย
- ประเมินความสามารถขององค์กรในปัจจุบัน
- วางเป้าหมายที่เหมาะสมกับองค์กร
- ระบุ Resource หรือความสามารถที่ต้องมี เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
เลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
3 ขั้นตอนการยกระดับองค์กรสู่ดิจิทัล ให้พุ่งทะยานหลังวิกฤติ
ประเมินความสามารถขององค์กรในปัจจุบัน
เป้าหมายของการทำธุรกิจให้เป็นดิจิทัลนั้นมีหลากหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละรูปแบบนั้นก็ต้องการความพร้อมขององค์กรในระดับที่แตกต่างกัน โดยทาง Gartner ได้แบ่งรูปแบบความสามารถของธุรกิจดิจิทัลเป็น 9 รูปแบบ ดังนี้
- Digital Business Strategy and Execution : เชื่อมโยงกลยุทธ์ด้านดิจิทัลและจัดการ resource อย่างเหมาะสมเพื่อให้กลยุทธ์ประสบความสำเร็จ
- Customer Experience Management : สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าในทุกๆ Touchpoint ผ่านช่องทาง Online และ Offline
- Digital Product/Service Design and Digital Revenue : สร้างสินค้า/บริการ ในรูปแบบดิจิทัล เพื่อให้เกิดช่องทางการหารายได้ใหม่ๆ ให้องค์กร
- Digital Channels and Ecosystem : เชื่อมโยง ecosystem ที่เกี่ยวข้องเพื่อขยายช่องทางด้านดิจิทัลขององค์กร
- Business Model Agility : ปรับปรุง Business Model ให้สามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันได้
- Innovation Culture : เฟ้นหานวัตกรรมใหม่ๆ ในองค์กรเพื่อสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง
- Digital Leadership : ทำลายกรอบการทำงานแบบ Silos เพื่อดึงความสามารถสูงสุดขององค์กร
- Digital Workplace : วิธีการทำงานรูปแบบใหม่ ที่ทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพิ่ม Engagement ของพนักงาน และความรวดเร็วในการปรับเปลี่ยนการทำงาน (Agility)
- Infonomics : ความสามารถในการสามารถนำข้อมูลที่มีไปวิเคราะห์เพื่อหารายได้ (Data Monetization)
นอกจากนี้ทาง Gartner ยังได้แบ่งระดับความดิจิทัลของธุรกิจออกเป็น 5 ระดับเพื่อเป็นเช็คลิสต์ให้สำรวจระดับของดิจิทัลขององค์กรไว้เบื้องต้น ดังนี้
ระดับ | ชื่อ | คำอธิบาย |
---|---|---|
เลเวล 1 | Digital Embryonic | องค์กรไม่มีการใช้ดิจิทัลในองค์กรเลย |
เลเวล 2 | Digital Beginner | องค์กรมีการใช้ดิจิทัลบ้างเล็กน้อย อย่างไรก็ตามการดำเนินการนั้นยังไม่สอดคล้องกันภายในองค์กร และต้องการการพัฒนาเพื่อให้เกิด Digital Transformation |
เลเวล 3 | Digital Intermediate | องค์กรมีการใช้ Digital Transformation ในหลายภาพส่วนขององค์กร แต่ยังขาดในเรื่องของ Digital Leadership |
เลเวล 4 | Digital Progressive | องค์กรมีการ implement การใช้ดิจิทัล และเริ่มเห็น impact ที่เกิดขึ้นบ้างแล้ว แต่ยังมีช่องว่างให้พัฒนาการทำ Digital Transformation ได้อยู่ |
เลเวล 5 | Digital Leader | มีการทำ Digital Transformation ในทุกส่วนขององค์กร มีการใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และสามารถเป็น Digital Leader ในอุตสาหกรรมได้ |
คำแนะนำในขั้นตอนแรก
- สื่อสารเรื่องการประเมินระดับดิจิทัลขององค์กรให้ผู้บริหารรับทราบ นอกจากนี้ยังต้องสร้างความมีส่วนร่วมระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อให้พวกเขาเห็นภาพการนำดิจิทัลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และสร้าง Business case ของแต่ละเลเวลเพื่อให้เห็น Raodmap การไปสู่ Digital Transformation ในระดับต่อไปได้อย่างชัดเจน
- ผู้บริหารหลายๆ ท่านขาดความเข้าใจเรื่องเทคโนโลยี ทำให้ไม่สามารถปลดล็อคที่แท้จริงขององค์กร และอาจวางเป้าหมายที่เกินความสามารถ ณ ขณะนั้น จึงควรเข้าใจก่อนว่าปัจจุบันธุรกิจอยู่ในระดับใด เพื่อให้วางเป้าหมายได้สมเหตุสมผลมากยิ่งขึ้น โดยหากท่านยังไม่มั่นใจระดับความเป็น Digital ขององค์กรตัวเอง สามารถติดต่อปรึกษา Predictive ได้
วางเป้าหมายที่เหมาะสมกับองค์กร
เป้าหมายในการทำดิจิทัล ควรเป็นเป้าหมายที่เป็นไปได้ตามความสามารถขององค์กร โดยเริ่มจากการสร้าง Quick win หรือสิ่งที่สามารถทำให้สำเร็จและเห็นผลลัพธ์โดยง่าย เพื่อสร้าง Momentum ให้เกิดขึ้นในองค์กร โดยการวางแผนดิจิทัลในองค์กรมี 3 รูปแบบได้แก่
- รูปแบบแรก : Digital technology enablement ในรูปแบบนี้องค์กรจะเริ่มลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องมีเพื่อการนำดิจิทัลมาใช้ในองค์กร เช่น วางระบบ Cloud computing , Customer Relationship Management ซึ่งองค์กรที่อยู่ในเลเวล 1 และ เลเวล 2 ควรเริ่มจากจุดนี้
- รูปแบบที่สอง : Digital business optimization ในรูปแบบนี้จะเริ่มโฟกัสที่การเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานผ่าน Business Model เดิม ซึ่งองค์กรที่อยู่ในเลเวล 3 ควรเริ่มจากจุดนี้
- รูปแบบที่สาม : Digital business transformation ใช้เทคโนโลยีเพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งองค์กรที่อยู่ในเลเวล 4 และ เลเวล 5 ควรเริ่มจากจุดนี้
โดยทาง Gartner ได้ยกตัวอย่างวิธีการในการเพิ่มประสิทธิภาพของ Business Model ปัจจุบัน และวิธีการ Transform Business Model ใหม่ไว้ดังนี้
วิธีการในการเพิ่มประสิทธิภาพของ Business Model ปัจจุบัน : สามารถช่วยเพิ่มรายได้ เพิ่มกำไรจากการดำเนินงาน เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน สร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า และใช้สอยสินทรัพย์ที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุด ผ่านวิธีการดังนี้
- เพิ่มรายได้ปัจจุบัน เช่น วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อกำหนดราคาแบบ Dynamic Pricing , เพิ่มยอดซื้อต่ออครั้ง ผ่านการ Recommend สินค้าที่ลูกค้าน่าจะชอบ
- ลดต้นทุน เช่น การนำ IoT (Internet of Things) เป็นเซ็นเซอร์ในการปรับลดอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศในพื้นที่
- ลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริการ ผ่านการขายสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในองค์กร ผ่านการใช้ AI และ RPA มาช่วยคนทำงานให้ดีและรวดเร็วขึ้น
- สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า เช่น ใช้ช่องทางออนไลน์และ IoT เพื่อสร้างประสบการณ์ที่เชื่อมต่อกัน
- เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสินค้าคงคลัง โดยการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทำนายให้ดีขึ้น และใช้ IoT เพื่อติดตามปริมาณสินค้าคงคลัง
- เพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ที่จับต้องได้ เช่น ใช้ IoT เพื่อทำให้เกิด Uptime ในการทำงาน และประหยัดพลังงานมากที่สุด
- เพิ่มประสิทธิภาพการเงิน เช่น การวิเคราะห์เพื่อประเมินความเสี่ยง
วิธีการ Transform Business Model ใหม่ ตัวอย่างเช่น
- ขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น การขายข้อมูล และ Algorithms
- การขายแบบ Sell Metered Revenue หรือก็คือ การขายในรูปแบบที่ลูกค้าจ่ายเงินตามจำนวนที่ใช้เท่านั้น เช่น ลูกค้าใช้พื้นที่ความจำ 1000 MB ก็เสียค่าบริการสำหรับ 1000 MB
คำแนะนำในขั้นตอนที่สอง
- เลือกเป้าหมายทางดิจิทัลที่สอดคล้องกับกลยุทธ์หลังโควิด โดยต้องตอบคำถามก่อนว่าทำไมองค์กรถึงควรเริ่มต้นเป็นดิจิทัล? เพื่อวางกลยุทธ์ได้ดียิ่งขึ้น
- ตรวจสอบอีกครั้งว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้นั้นมีความเป็นไปได้กับความสามารถขององค์กรในตอนนั้น เพราะบางเป้าหมายองค์กรต้องมีพื้นฐานโครงสร้างองค์กรที่เป็น Digital มาแล้วระดับนึง
ระบุ Resource หรือความสามารถที่ต้องมี เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
ในแต่ละระดับของการขับเคลื่อนดิจิทัล ก็มีความท้าทายที่แตกต่างกันไป หลังจากที่องค์กรระบุเป้าหมายที่ต้องการไปให้ถึงแล้ว ต้องระบุ Resource/ความสามารถ ที่องค์กรต้องวางแผนพัฒนาควบคู่ไปด้วย เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายได้จริง
คำแนะนำในขั้นตอนที่สาม
- สร้าง List ของความสามารถ/resource ที่องค์กรควรต้องพัฒนา เพื่อทำให้เป้าหมายเกิดขึ้นจริง
- ลงทุนในคน และ สินทรพย์ทางเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะอัพระดับเลเวลขององค์กร โดยมีการจัดลำดับความสำคัญในการลงทุน เน้นในสิ่งที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายมากที่สุด ตัวอย่างเช่น การที่มีความสามารถต่ำในความคล่องตัว (Agility) ของ Business Model ย่อมไม่สำคัญ หากเป้าหมายขององค์กรคือการเพิ่มกำไรจากการดำเนินงาน
การทำ Digital Transformation นั้นต้องเข้าใจธุรกิจในปัจจุบัน เป้าหมายที่วางไว้ และวางแผนให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ที่องค์กรต้องการจะไปในช่วงหลัง Covid-19 ซึ่งการทำ Digital Transformation นั้นมีหลากหลายวิธี ต้องเลือกวิธีที่สอดคล้องกับธุรกิจของท่าน
ปรึกษา Predictive ให้เราช่วยวางแผนกลยุทธ์และให้คำปรึกษาการทำ Digital Transformation ตั้งแต่วันนี้เพื่อให้ท่านสามารถวางเป้าหมาย กลยุทธ์ และวัดผลได้อย่างแม่นยำ เรามีทีมงานมากประสบการณ์คอยดูแลท่านอย่างใกล้ชิดค่ะ
Get in touch
Let's work together!
"*" indicates required fields