UX

เทรนด์การออกแบบ UXUI ที่จะมาแรงในปี 2024

การออกแบบ User-Experience เป็นสาขาอาชีพที่สำคัญมากๆในการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ทั้งแอปพลิเคชั่น เว็บไซต์ หรือ Interface ต่างๆ ซึ่งการออกแบบนี้จะมีจุดประสงค์สองอย่างคือ  และเพื่อจะช่วยให้ทุกคนตามทันการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคที่ไวมากมากนี้ วันนี้เราจะมาเล่าให้ฟังถึงเทรนด์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ การทำงานในหลายๆอุตสาหกรรมจำเป็นจะต้อง Balance ระหว่าง “การมีส่วนร่วมของผู้ใช้งาน” และ “ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งาน” ไปพร้อมๆกัน แต่จะทำยังไงให้การออกแบบในโลกดิจิตอลนี้ยังคงมีความเป็นมนุษย์อยู่ 1. Advanced cursor interactions Cursor เป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างผู้ใช้งานและหน้า Interface (UI) ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถดำเนินการต่างๆบนหน้านั้นๆได้ แต่จริงๆแล้ว Cursor มีบทบาทมากกว่านั้นในมุมของ User-Experience และปัจจุบันก็มีหลายเครื่องมือที่ช่วยในการออกแบบ Cursor ที่ทำให้พวกเราได้เห็นผลงานที่นักออกแบบเปลี่ยนรูปแบบและขนาดของ Cursor ไปจนถึงการนำภาพเคลื่อนไหวมาใช้ สุดท้ายจึงส่งผลให้ผู้เช้าชมเว็บไซต์เกิดความสนใจและได้รับประสบการณ์ใหม่ๆที่นอกจากน่าตื่นตาตื่นใจแล้วยังใช้งานง่ายขึ้นอีกด้วย แถมหน้าเว็บยังไม่ต้องมีการวางปุ่มต่างๆให้ต้องดูเกะกะสายตาอีกด้วย 2. Personalized Experiences เวลาที่เราเข้า Netfilx แล้วพบกับ Recommendations, สินค้าแนะนำต่างๆที่อยู่บน Online Shopping Application หรือ รายการ Playlist ที่ถูกสร้างไว้รอคุณบน Sportify …

เทรนด์การออกแบบ UXUI ที่จะมาแรงในปี 2024 Read More »

Landing Page ที่ดี

11 กฎเหล็กเพิ่ม Conversion Rate ด้วย Landing Page ที่ดี

จากบทความที่แล้ว เราได้มีการพูดถึง “11 เทรนด์การออกแบบ UX/UI ที่มาแรงในนยุคนี้” และ “8 เหตุผลทำไมต้องใช้ WordPress ในปี 2023” เพื่อให้ผู้อ่านเห็นถึงความสำคัญของการมีรูปแบบและหน้าตาเว็บไซต์ที่สามารถดึงดูดให้กลุ่มเป้าหมายที่จะกลายมาเป็นลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมมากขึ้น บนแพลตฟอร์ม CMS ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดกันไปแล้ว ในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกถึงตัว Landing Page (เว็บไซต์ที่มีหน้าเดียว) ที่ทุกธุรกิจต้องมีแยกออกมาจากเว็บไซต์หลัก เพื่อสร้าง Conversion เก็บ Lead และนำ Lead ที่ได้มาเข้าสู่กระบวนการการเป็นลูกค้าต่อไป ซึ่งก่อนที่เราจะไปถึง 11 กฎเหล็กที่ Landing Page ควรทำ เพื่อให้องค์กรสามารถสร้าง Conversion ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เรามาทำความรู้จักกับ Landing Page กันก่อน ว่าทำไมทุกองค์กรควรต้องมีและมีเพื่อจุดประสงค์อะไร ถ้าพร้อมแล้วไปลุยกันเลยครับ  Landing Page คืออะไร ทำไมต้องมี ? Landing Page คือหน้าเว็บไซต์ที่มีวัตถุประสงค์เฉพาะ โดยการเปลี่ยนให้ผู้เข้าชมกลายมาเป็น Lead นั่นเอง ซึ่งหน้า …

11 กฎเหล็กเพิ่ม Conversion Rate ด้วย Landing Page ที่ดี Read More »

Google Optimize เครื่องมือเพิ่ม Conversion ด้วยการทดสอบ User Experience

Google Optimize เครื่องมือเพิ่ม Conversion ด้วยการทดสอบ User Experience

การที่แบรนด์จะส่งมอบประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมและตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเลือกที่จะอยู่กับเราต่อนั้น ในอดีตแบรนด์จะต้องลงทุนกับทรัพยากรอย่างมหาศาลในการทำการทดลอง ไม่ว่าจะเป็นทีมงาน, เวลา, ประสบการณ์ความรู้ หรือแม้แต่ Traffic บนเว็บไซต์ที่มากพอ ซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ SMEs จะเสี่ยงลงทุนในส่วนนี้ เนื่องจากการทดลองจะต้องมีจัดขึ้นเป็นระยะๆอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้จบแค่ภายในครั้งเดียว แต่ในปัจจุบันเรามีเครื่องมืออำนวยความสะดวกมากมายในการเข้ามาช่วยทำการทดลองการตอบสนองต่อการใช้เว็บไซต์แบบไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งหนึ่งในเครื่องมืออันทรงพลังที่เรากำลังจะพูดถึงนั่นก็คือ Google Optimize นั่นเองครับ  ในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกถึง Google Optimize ว่าเจ้าสิ่งนี้คืออะไร เหมาะกับใคร พร้อมทั้งฟีเจอร์ต่างๆในตัวว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง ถ้าพร้อมแล้วเลื่อนลงไปอ่านกันได้เลย! Google Optimize คืออะไร Google Optimize คือหนึ่งในเครื่องมือจาก Google ในการทำ Personalization และทดสอบประสิทธิภาพเว็บไซต์ในวิธีต่างๆ เช่น A/B Test, Multivariate Test หรือ Redirect Test สำหรับสร้าง User Experience ในรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป เพื่อตอบสนองสิ่งที่ผู้ใช้กำลังสนใจพร้อมทั้งเพิ่ม Conversion ให้กับตัวเว็บไซต์เอง  Google Optimize ช่วยได้อย่างมากกับธุรกิจในยุค Data-driven …

Google Optimize เครื่องมือเพิ่ม Conversion ด้วยการทดสอบ User Experience Read More »

ทำไมเราควรหลีกเลี่ยง Dark Patterns ในการออกแบบเว็บไซต์

ทำไมเราควรหลีกเลี่ยง Dark Patterns ในการออกแบบเว็บไซต์

ในโลกของเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน การออกแบบถือเป็นปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อความคิด ความรู้สึก และการตัดสินใจไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม เหมือนกับเหรียญที่มีสองด้าน หากใช้ในทางที่ถูกต้องก็จะส่งผลดี แต่หากถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดก็จะสามารถส่งผลเสียนานาประการ ทั้งกับตัวบุคคลหรือแบรนด์เองก็ตาม  ในบทความนี้เราจะมาเจาะลึกเกี่ยวกับ Dark Patterns กันว่าสิ่งนี้คืออะไร มีกี่ประเภท แต่ละประเภทถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในจุดประสงค์ใด รวมไปถึงวิธีที่นักออกแบบใช้บน Interface พร้อมทั้งวิธีการแก้ไขและหลีกเลี่ยง Dark Patterns เหล่านี้ในอนาคต ถ้าทุกคนพร้อมแล้ว เลื่อนลงไปอ่านกันได้เลยครับ Dark Patterns คืออะไร Dark Patterns คือการออกแบบ Interface ที่บิดเบือนออกไปเพื่อหลอกล่อ หรือ สร้างความเข้าใจผิด ทำให้ผู้ใช้งานดำเนินการตามสิ่งที่คนออกแบบเว็บไซต์หรือแอปต้องการโดยไม่ได้ตั้งใจ และไม่ได้ต้องการที่จะทำแต่แรก เช่น การคลิกโฆษณา, การกดสมัครสมาชิกโดยไม่จำเป็น หรือ การเข้าไปอยู่ในวงจรการลงทะเบียนอีเมล์ที่ไม่มีวันจบสิ้น กลไกหลักของ Dark Patterns คือการสร้างอคติโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัวในเวลาสั้นๆหรือในขณะที่ยังไม่มีสมาธิมากพอ เพื่อให้ง่ายต่อการตัดสินใจในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์กับกับตัวผู้ใช้งานนั่นเอง Dark Patterns สามารถสร้างความเสียหายต่อทั้งผู้ใช้งานและแบรนด์ในหลากหลายด้าน เช่น  ทำให้ผู้ใช้เกิดความสับสน สร้างความไม่น่าไว้วางใจ ส่งผลทำให้ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ลดลง จำนวนการร้องเรียนของผู้ใช้ที่มากขึ้น ส่งผลทำให้แบรนด์มีจำนวนผู้เข้าใช้ที่ลดลง  การสร้างประสบการณ์ที่ไม่ดีให้กับผู้ใช้ ส่งผลให้แบรนด์ได้รับชื่อเสียงในด้านลบอย่างรวดเร็วบนโลกออนไลน์ …

ทำไมเราควรหลีกเลี่ยง Dark Patterns ในการออกแบบเว็บไซต์ Read More »

User Retention Mechanic: กลไกการปล่อย (ลูกค้า) ไป เพื่อให้ได้ (ลูกค้า) กลับมา

User Retention Mechanic: กลไกการปล่อย (ลูกค้า) ไป เพื่อให้ได้ (ลูกค้า) กลับมา

Design for the lives your users are living — not for the value you want to extract from themออกแบบเพื่อตอบโจทย์ชีวิตลูกค้า ไม่ใช่เพื่อเงินตราที่ได้มาจากพวกเขา แน่นอนอยู่แล้วว่าแบรนด์ที่มีเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเป็นของตัวเองไม่ชอบที่จะสูญเสียลูกค้า เนื่องจากค่าใช้จ่ายทางการตลาดในการหาลูกค้าใหม่นั้นสูงมาก ซึ่งในยุคปัจจุบันที่ผู้คนต้องการเห็นสิ่งใหม่อยู่ตลอดเวลา ทำให้แบรนด์ส่วนใหญ่ลงทุนไปกับการสร้างคอนเทนต์ และฟีเจอร์ใหม่ๆให้กับสินค้าของตัวเอง เพื่อดึงดูดให้ลูกค้าที่มีการใช้สินค้าอยู่แล้วอยู่กับแบรนด์ต่อไป  หนึ่งความเชื่อผิดๆที่ถูกส่งต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้คือ “การที่ลูกค้าไปเท่ากับว่าสินค้าเราไม่ดี” ดังนั้นแบรนด์ส่วนใหญ่จึงสร้างแบบสอบถามการยกเลิกการใช้งาน โดยให้ตัวเลือกเหตุผลที่ตั้งสมมติฐานบนตัวสินค้าเป็นหลัก ตัวอย่างเช่น ลูกค้าเลือกที่จะเลิกใช้สินค้าของเรา เนื่องจาก… ไม่ชอบฟีเจอร์ของสินค้า/บริการที่ใช้อยู่ตอนนี้ ค่าสมัครสมาชิกแพงเกินไป สินค้า/บริการไม่สามารถใช้กับอุปกรณ์ที่มีอยู่ได้ ประสบปัญหาทางเทคนิคกับสินค้า/บริการ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เหตุผลการยกเลิกที่แท้จริงอาจซับซ้อนมากกว่าที่คิด เราลองมาดูเคสตัวอย่างด้านล่างกันค่ะ เคสตัวอย่าง:  แอปสตรีมวิดีโอแบบสมัครสมาชิกรายเดือนได้ลองทำการสำรวจกับกลุ่มผู้ใช้ที่ยกเลิกบริการ โดยแบ่งการให้คะแนนความพึงพอใจต่อผลิตภัณฑ์ออกเป็นสามส่วน ได้แก่ ฟีเจอร์การใช้งาน, คอนเทนต์ของวีดีโอ และ การเข้าถึงผ่านอุปกรณ์ที่ใช้ ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาคือผู้ที่ยกเลิกบริการให้คะแนนความพึงพอใจระดับสูงหมดทั้งสามส่วน และคะแนนความพึงพอใจโดยรวมก็สูงพอๆกัน เราจะเห็นได้ว่าจากเคสดังกล่าวทำให้แบรนด์เข้าใจว่า การที่ลูกค้าเลือกที่จะหยุดใช้สินค้า/บริการไม่ได้แปลว่า สินค้า/บริการของเราไม่ดี หรือ ลูกค้าไม่พอใจกับแบรนด์เสมอไป  …

User Retention Mechanic: กลไกการปล่อย (ลูกค้า) ไป เพื่อให้ได้ (ลูกค้า) กลับมา Read More »

Ideation Techniques

5 เทคนิคการสร้างไอเดียในยุค Work From Home

การแก้ปัญหาในโลกแห่งความเป็นจริงนั้นไม่สามารถทำได้เพียงชั่วข้ามคืน หรือแก้ได้ด้วยญาณวิเศษบางอย่าง  ‘การสร้างไอเดีย’ หรือ ‘Ideation’ ถือเป็นทั้งจุดเปลี่ยนและสินทรัพย์ที่สำคัญของโครงสร้างนวัตกรรมที่ดี โดยกระบวนการนี้จะต้องอาศัยเทคนิค Ideation รูปแบบต่างๆเพื่อให้ได้ไอเดียที่ดีและมีความเป็นไปได้มากที่สุด ซึ่งเทคนิค Ideation เหล่านี้จะช่วยให้กระบวนการทำงานร่วมกันของทีมดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบและมีประสิทธิผล โดยจะเน้นแค่ทักษะที่จำเป็นในการร่างและนำเสนอไอเดียของแต่ละคนเท่านั้น  เมื่อไหร่ที่ควรใช้เทคนิค Ideation กำลังหาทิศทางสำหรับสินค้าหรือบริการใหม่ หาแหล่งรายได้และกลยุทธ์ทางธุรกิจใหม่ๆ หาทางออกให้กับบททดสอบสุดหินจากลูกค้า (เช่น การเปลี่ยนจุดบอดที่ลูกค้าเจอให้กลายเป็นความน่าพึงพอใจ) ในบทความนี้ เราจะรวบรวมเทคนิคการสร้างไอเดีย 5 รูปแบบ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นที่รู้จักกันดี ซึ่งเราหวังว่าบทความนี้จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับการทำเวิร์คช็อป และการสร้างไอเดียใหม่ๆผ่านช่องทางออนไลน์ ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านกันเลยค่ะ 1. S.C.A.M.P.E.R.‍ เมื่อทีมกำลังทำการประชุมเพื่อระดมความคิด เทคนิค S.C.A.M.P.E.R. จะช่วยพัฒนาทักษะการแก้ปัญหาและกระบวนการคิดเชิงออกแบบโดยรวมของทีม ช่วยให้ทีมสามารถแชร์ไอเดียทั้งหมดด้วยทัศนคติที่เป็นกลาง โดยการนำทุกไอเดียมาพิจารณาเปรียบเทียบอย่างใกล้ชิด เทคนิคนี้ทำงานยังไง ขั้นตอนที่ 1: ให้แต่ละคนในทีมเลือกหนึ่งการกระทำจากตัวอักษรย่อ S.C.A.M.P.E.R. เป็นตัวกระตุ้นที่ใช้ในการสร้างรูปแบบของไอเดียที่มีอยู่ให้ต่างออกไป ซึ่งส่วนสำคัญของการใช้เทคนิคนี้คือการหยิบไอเดียของคนอื่นจากรอบที่แล้วมาเป็นจุดสตาร์ท Substitute: เราจะใช้สิ่งไหนมาทดแทนเพื่อพัฒนาไอเดียนี้ได้บ้าง? Combine: เราสามารถเอาฟีเจอร์ กระบวนการ หรือองค์ประกอบไหนมารวมกันได้บ้าง? Adapt: เราควรปรับฟีเจอร์ กระบวนการ หรือองค์ประกอบไหนบ้าง? Modify: เราสามารถปรับลดหรือเพิ่มในส่วนไหนได้บ้าง? …

5 เทคนิคการสร้างไอเดียในยุค Work From Home Read More »

11 UX/UI Design Trends

11 เทรนด์การออกแบบ UX/UI ที่มาแรงในปี 2022 และ ปีต่อๆไป

นอกจากการสร้างเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันบนแพลตฟอร์มที่เหมาะสมแล้ว การออกแบบ UX/UI ให้มีความน่าสนใจก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ส่งผลให้จำนวนการเข้าชมหรือการมีส่วนร่วมลดลงหรือเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งส่งผลต่อความประทับใจแรกของผู้ใช้มากถึง 94 เปอร์เซนต์อีกด้วย  ในบทความที่แล้ว เราได้แนะนำ WordPress แพลตฟอร์มที่ควรใช้ในการสร้างเว็บไต์หรือแอปพลิเคชันกันไปแล้ว คราวนี้เราจะมาเจาะลึกถึง 11 เทรนด์การออกแบบ UX/UI บนหน้าเว็บหรือแอปที่นักออกแบบห้ามพลาดในปีนี้และในอนาคต จะมีอะไรบ้างไปอ่านกันเลยค่ะ 1) ความมินิมอล เรียบง่าย (Minimalism) สิ่งสำคัญนอกจากความประณีตและความเป็นระเบียบแล้ว ดีไซน์ที่เรียบง่ายก็เป็นสิ่งที่นักออกแบบควรคำนึงถึงอยู่เสมอ การที่องค์ประกอบหลักบนหน้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันมีความมินิมอล เรียบง่าย ไม่มีปุ่มกด ทำให้เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน ยิ่งช่วยให้ผู้เล่นใช้งานได้ง่าย และใช้ได้อย่างมีจุดประสงค์มากยิ่งขึ้น นิยามสำหรับดีไซน์ที่มินิมอลและเรียบง่าย พื้นที่ว่างจำนวนมาก ความเรียบง่ายและชัดเจน ลำดับชั้นภาพที่มีราคาแพง การออกแบบตัวอักษรให้อยู่ในธีมเดียวกัน ใส่ใจกับสัดส่วนและองค์ประกอบ ฟังก์ชั่นสำหรับทุกองค์ประกอบ กำจัดองค์ประกอบที่ไม่ได้ใช้งาน เน้นองค์ประกอบที่ผู้ใช้สนใจเป็นหลัก 2) ภาพประกอบที่เป็นประโยชน์ (Functional Illustrations) เมื่อใช้ภาพประกอบในการออกแบบ ตัวภาพจะทำหน้าที่เป็นองค์ประกอบที่ใช้งานได้จริงมากกว่าการนำมาประดับตกแต่งเฉยๆ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถโต้ตอบกับเว็บหรือแอปได้ง่ายและชัดเจนขึ้น ภาพประกอบที่สามารถกำหนดเองได้ช่วยสร้างความหลากหลายทางศิลปะ และะเพิ่มความสร้างสรรค์ให้กับดีไซน์ ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้ดีไซน์เราโดดเด่นเหนือคู่แข่ง เทรนด์สำหรับการใช้ภาพประกอบในรูปภาพ ใช้ภาพประกอบเป็นภาพหลัก  ปรับแต่งภาพต่างๆ ทำให้ตรงกับเป้าหมายทางธุรกิจ สร้างสิ่งกระตุ้นสายตาเพื่อถ่ายทอดข้อความที่ถูกต้อง จุดประกายอารมณ์ด้วยทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับภาพประกอบ เช่น …

11 เทรนด์การออกแบบ UX/UI ที่มาแรงในปี 2022 และ ปีต่อๆไป Read More »

WordPress

8 กุญแจสำคัญ ทำไมต้องใช้ WordPress ในปี 2023

แน่นอนว่าการที่เราจะเก็บข้อมูลผู้ใช้งานจากหน้าเว็บไซต์ ก่อนอื่นเราต้องมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองที่สร้างขึ้นจากแพลตฟอร์มหรือโปรแกรมสร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปที่เคยผ่านตาทุกคนในสื่อต่างๆ เช่น WordPress, HubSpot, Joomla หรือ Wix แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าแพลตฟอร์มไหนที่เราควรใช้มากที่สุดในปี 2023 ในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจว่า WordPress คืออะไร ทำไมจึงเป็นที่นิยมทั่วโลก ไปจนถึงเหตุผลทั้ง 8 ข้อที่ทำให้เราควรตัดสินใจเลือกแพลตฟอร์ม Content Management System (ระบบบริหารจัดการข้อมูลเว็บไซต์องค์กร) อย่าง WordPress มาเป็นตัวกลางในการสร้างเว็บไซต์ในปี 2023 ที่กำลังจะมาถึงนี้  WordPress คืออะไร WordPress คือ แพลตฟอร์มหรือโปรแกรมสำเร็จรูปที่ใช้สร้างและจัดการเนื้อหาเว็บไซต์ เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการพัฒนาและจัดการเว็บไซต์ ซึ่งแพลตฟอร์ม WordPress จะทำงานแบบออนไลน์ และที่สำคัญคือเราไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ใดๆเพื่อใช้งาน  ก่อนที่เราจะเจาะลึกไปในส่วนของเหตุผลว่าทำไมต้องใช้แพลตฟอร์ม WordPress เรามาดูข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับ WordPress กันก่อน ครอบคลุม 40% ของพื้นที่อินเทอร์เน็ตทั้งหมด มีมาก่อนที่ Twitter และ Facebook จะเกิด ไม่มีบริษัทไหนเป็นเจ้าของ ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของแพลตฟอร์มนี้ได้ มีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ในตลาด CMS …

8 กุญแจสำคัญ ทำไมต้องใช้ WordPress ในปี 2023 Read More »

User Experience Research

User Experience Research เลือกอย่างไรให้ตรงกับเป้าหมายธุรกิจ

วิธีการทำ User Experience Research เหมาะกับจุดประสงค์แบบไหนและควรใช้เมื่อไหร่ผ่านแผนภาพมุมมอง 3 มิติ แม้ว่าในยุคปัจจุบันวิธีการทำ User Experience Research สามารถตอบคำถามได้ทั้งในมุมมองเชิงกว้างและลึก ก็มักจะมีคำถามตามมาอยู่บ่อยครั้งว่าจะรู้ได้อย่างไรว่าควรใช้วิธีการ Research แบบไหนและเมื่อไหร่ เพื่อตอบโจทย์ หรือเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ ในบทความนี้เราจะทำให้ผู้อ่านได้เข้าใจ และเห็นภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่าในแต่ละวิธีการทำ User Experience Research เหมาะกับจุดประสงค์แบบไหนและควรใช้เมื่อไหร่ผ่านแผนภาพมุมมอง 3 มิติด้านล่างนี้ มิติที่ 1: ทัศนคติ VS พฤติกรรม (Attitudinal VS Behavioral) ความแตกต่างทั้งสองอย่างนี้สามารถสรุปได้โดยการเปรียบเทียบระหว่าง “สิ่งที่ผู้คนพูด” กับ “สิ่งที่ผู้คนทำ” จุดประสงค์ของการวิจัยเกี่ยวกับทัศนคติมักจะทำขึ้นมาเพื่อทำความเข้าใจ หรือวัดความเชื่อที่ผู้คนกล่าวต่อกันมา แต่ข้อมูลก็มักจะถูกจำกัดโดยสิ่งที่ผู้คนรับรู้ในขณะนั้น และความเต็มใจที่จะรายงาน แม้ว่าโดยส่วนมากงานวิจัยการใช้งานผลิตภัณฑ์ควรจะเน้นไปทางพฤติกรรม แต่วิธีการที่เน้นไปในทางทัศนคติส่วนบุคคลก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะข้อมูลเชิงทัศนคติมีประโยชน์กับนักออกแบบเป็นอย่างมาก ตัวอย่างเช่น การทำ Survey จะทำหน้าที่วัดและจัดหมวดหมู่ทัศนคติของผู้ใช้งาน ซึ่งสามารถช่วยติดตามหรือค้นหาจุดสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไขที่อาจมองข้ามไป  อีกด้านหนึ่งของมิตินี้ วิธีการที่เน้นไปที่พฤติกรรมเป็นส่วนใหญ่พยายามที่จะทำความเข้าใจ “สิ่งที่ผู้คนทำ” กับผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่กล่าวถึง ตัวอย่างเช่น การทำ …

User Experience Research เลือกอย่างไรให้ตรงกับเป้าหมายธุรกิจ Read More »

Qualitative data VS Quantitative data เลือกใช้อย่างไรให้ตอบโจทย์ธุรกิจ

Qualitative data VS Quantitative data เลือกใช้อย่างไรให้ตอบโจทย์ธุรกิจ

ก่อนจะเริ่มทำธุรกิจ หรือวางกลยุทธ์ใดๆ สิ่งหนึ่งที่มีความสำคัญคือการทำความเข้าใจความต้องการของผู้ใช้  ซึ่งรูปแบบข้อมูลที่เราสามารถนำมาใช้เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับผู้ใช้นั้น สามารถแบ่งข้อมูลออกมาได้ 2 ประเภท นั่นก็คือ 1.Qualitative Data และ 2. Quantitative Data ในบทความนี้เราจะมาบอกเล่าถึงความแตกต่างของข้อมูลแต่ละประเภทและการนำข้อมูลแต่ละประเภทไปปรับใช้ในธุรกิจของท่านได้อย่างตรงจุดค่ะ  Quantitative Data คืออะไร​ ?​ เป็นข้อมูลที่เป็นเชิงตัวเลข เพื่ออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งในอดีต และ ปัจจุบัน รวมถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยข้อมูลที่ได้รับจะมีความเฉพาะเจาจง และลงรายละเอียด ตามสิ่งที่เกิดขึ้นจริง เช่น ข้อมูลเชิงพฤติกรรม จากการเก็บข้อมูลพฤติกรรมของผู้ใช้งานเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นผ่านการติดตั้ง Event Tracking   Quantitative Data มาจากไหนได้บ้าง ข้อมูลจาก Google Analytics : ทำให้เราเข้าใจพฤติกรรมการใช้งานเว็บไซต์ของผู้ใช้งานเช่น ผู้ใช้งานเข้าชมหน้าไหนบ้าง เข้าชมเป็นเวลากี่นาที เข้ามาจาก Media ไหน มีการคลิกปุ่มไหนบ้าง (Click Tracking)  Google Trends : ข้อมูลการเสิร์ชคำค้นหาบท Google ทำให้เรารู้ว่าผู้ใช้งานกำลังสนใจเรื่องอะไรอยู่บ้าง …

Qualitative data VS Quantitative data เลือกใช้อย่างไรให้ตอบโจทย์ธุรกิจ Read More »