search-visibility

Search Visibility หัวใจสำคัญที่ทำให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จัก

หนึ่งตัวช่วยวัดผลการทำ SEO ว่า เว็บไซต์มีประสิทธิภาพดีพอแล้วหรือไม่ ตอบคำถามว่าทำไมแม้มีคีย์เวิร์ดที่คนเสิร์ชเยอะแต่ก็ยังไม่ได้รับยอดคลิกเข้ามา 

Search Visibility คืออะไร

Search Vibility คือสิ่งที่ช่วยชี้ให้เห็นว่าคนทั่วไปรู้จักเว็บไซต์ของเรามากน้อยเพียงใดผ่านการใช้เครื่องมือ Google Search Console โดยมาตรวัดที่จะช่วยบอกว่าการทำ SEO ในปัจจุบันมีประสิทธิภาพดีพอแล้วหรือไม่ ประกอบไปด้วย

  • Search Impression คือ มาตรวัดการมองเห็นที่บอกว่าหน้าเว็บของเราผ่านสู่สายตาผู้คนรวมเป็นกี่จำนวนครั้ง 
  • Clicks คือ มาตรวัดความตอบโจทย์ของเนื้อหาว่าสามารถดึงดูดให้ผู้คนคลิกเข้ามาได้มากน้อยเพียงใด
  • Clicks-through rate (CTR) คือ อัตราการคลิกเข้ามายังหน้าเว็บ หลังจากเห็นเว็บไซต์แล้วทำให้เกิดคลิกเป็นจำนวนเท่าไหร่
  • Position คือ อันดับเว็บไซต์โดยประมาณว่าปรากฏอยู่หน้าไหนบน Search Result

โดยส่วนใหญ่แล้วการทำ SEO จะมุ่งหวังการวัดผลจากอัตรา Clicks-through rate (CTR) เพื่อที่จะประเมินได้ว่าการพัฒนาประสิทธิภาพเว็บไซต์นั้นได้ผลหรือไม่ เมื่อเทียบกับการมองเห็นแล้วมีผู้คนคลิกเข้ามาจริงๆ เท่าไหร่ ท้ายที่สุดแล้วคีย์เวิร์ดที่ใช้ได้ผลดังที่ต้องการหรือยัง ด้วยการวิเคราะห์ว่ามาตรวัดต่างๆ ข้างต้นสอดคล้องซึ่งกันและกันหรือไม่ เช่น จำนวนยอดคลิกสูงขึ้นตามจำนวนการมองเห็น ส่งผลให้มีอัตราการคลิกที่ดีและอัลกอริทึมดึงขึ้นสู่อันดับที่สู่ขึ้น สิ่งสำคัญที่ต้องไม่ลืมคือการติดตามผลความเปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมอ หรือ อาจใช้วิธีเทียบผลกันเดือนต่อเดือนเพื่อให้คนทำ SEO พลิกสถานการณ์และปรับแผนได้อย่างทันท่วงที

อยากให้ Search Visibility ดีขึ้นต้องทำอย่างไร

การทำให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จักมากขึ้นคือหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของการทำ SEO โดยอาศัยการพัฒนาเว็บไซต์ในด้านต่างๆ ดังนี้

เลือกใช้คีย์เวิร์ดให้เป็น 

การทำ Keyword research คือกระดุมเม็ดสำคัญให้คนทำ SEO ตัดสินใจได้ว่าควรเลือกพุ่งเป้าความสนใจไปที่คำๆ ใดท่ามกลางคำต่างๆ มากมายที่ผู้คนใช้ค้นหาโดยไม่ลืมคำนึงถึง Search Intent ของผู้ใช้ เช่น บริการซ่อมคอมพิวเตอร์ อาจเป็นคำที่ Search Volume สูงแต่หากจะดึงดูดกลุ่มเป้าหมายอาจต้องนึกถึง Search Intent อย่างคำว่า คอมเสีย, จอคอมเปิดไม่ติด, ลำโพงคอมไม่มีเสียง เป็นต้น

On-page optimization

การทำเว็บไซต์ให้ SEO-Friendly มีกฏเหล็กอยู่ไม่กี่ข้อ คือ Site Structure และ การทำเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้ตอบรับกับ การทำงานของอัลกอริทึม คือเมื่อมีผู้ใช้ค้นหาสามารถพบเจอเว็บไซต์ของเราได้ง่ายโดยการปรับปรุงส่วนต่างๆ ดังนี้

  • Response Code ปรับให้ไม่มีหน้าที่แสดงผลไม่ได้เยอะจนเกินไป (404-Page not found, 302-Temporary Redirection)
  • Duplicate Content URL ปรับหน้าที่มี URL เดียวกันซ้ำๆ จนอัลกอริทึมไม่รู้ว่าหน้าไหนสำคัญ
  • Page Title ของทุกหน้าอยู่ครบ ไม่มีหน้าที่เกิน 60 คำ
  • Meta Description ของทุกหน้าอยู่ครบ ไม่มีหน้าที่เกิน 158 คำ
  • Heading Tags ไม่ซ้ำหรือหาย เพื่อไกด์ให้อัลกอรึทึมเข้าใจว่านี่คือหน้าสำคัญ
  • Image ไม่มีรูปที่ใหญ่ไป (เกินกว่า 100 KB) และควรให้ Alt Tags เพื่อให้ปรากฏบนหน้าค้นหา
  • Links Building เพื่อเพิ่มการมองเห็นให้กับเว็บไซต์ 

Good Page Experience

ถ้าเว็บไซต์นั้นใช้งานได้ดี แน่นอนว่าระยะเวลาที่ผู้ใช้อยู่บนเว็บก็จะนานขึ้น ซึ่งเว็บไซต์ที่ทำให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมมากกว่าย่อมขึ้นไปอยู่ในอันดับที่สูงกว่า ผ่านการใช้งาน Google Search Console เพื่อวัดว่าส่วนไหนบนเว็บที่กำลังมีปัญหา โดยแบ่งเป็นองค์ประกอบต่างๆ ดังนี้

  • Core Web Vitals สัญญาณที่บ่งบอกว่าการแสดงผลของเพจบนเว็บไซต์เราเป็นอย่างไร
  • Mobile-Friendly ใช้งานบนมือถือได้ดี ไม่มี errors กวนใจ
  • HTTPS มีการคุ้มครองกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ใช้

Quality content creation

เนื้อหาคอนเทนต์บนเว็บไซต์คือสิ่งหนึ่งที่ช่วยหล่อเลี้ยงความสนใจ ดึงดูดผู้คนให้คลิกเข้ามามีส่วนร่วมกับเว็บไซต์มากขึ้น การทำคอนเทนต์ที่เข้าถึงใจคนอ่าน (People-First Content) จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญของการทำ Content Marketing เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการทำ SEO พร้อมด้วยการวัดผลประสิทธิภาพคอนเทนต์อย่างสม่ำเสมอ

แน่นอนว่าที่ Predictive เรามีบริการทำ SEO โดยทีมงานคุณภาพพร้อมซัพพอร์ตทุกก้าวย่างของการผลักดันเว็บไซต์ให้เป็นที่รู้จักและดึงดูดกลุ่มเป้าหมายมาสู่ธุรกิจของคุณ การทำงานของทีม SEO ที่พรีดิกทีฟจะครอบคลุมตั้งแต่

  • Strategy & Keyword Planning โดยการวางกลยุทธ์การทำ SEO ตั้งแต่แรกเริ่มเพื่อให้ธุรกิจของคุณไปถึงฝั่งฝันด้วยแผนการทำ SEO ที่ customized มาเพื่อธุรกิจของคุณโดยเฉพาะพร้อมด้วยการวิเคราะห์ Keyword ด้วย Keyword Research รวมทั้งการทำ SEO Audit และ Competitive Analysis เพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถลำดับความสำคัญและดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • On-Page Optimization ตั้งแต่การ Audit Site Structure จัดทำ Template Guideline เพื่อวางแนวทางการทำ SEO ไปจนถึง SEO On-Page Optimization
  • Content Scope การผลิตคอนเทนต์คุณภาพเล่าถึง Brand Narrative เพื่อเพิ่ม Search Visibility ให้กับเว็บไซต์ของคุณ
  • On-Page Improvement Implementations จัดทำ Template Guideline เพื่อให้การทำ SEO เกิดผลสำเร็จ
  • Off-Page Planning & Analysis ตรวจสอบคุณภาพและประสิทธิภาพการทำ Backlinks วิเคราะห์คู่แข่งเพื่อให้ธุรกิจของคุณอยู่เหนือกว่า รวมถึงวางแผนการทำ Backlinks ในอนาคต
  • Monitoring, Analysis, & Reporting การติดตามผลการทำ SEO อย่างต่อเนื่อง วิเคราะห์สถานการณ์และผลลัพธ์การทำ SEO พร้อมรายงานผลสรุปเพื่อให้ธุรกิจของคุณเห็นภาพรวมทั้งหมดและสามารถ

ใครที่กำลังหนักใจกับ Organic Traffic ที่ไม่เพิ่มขึ้นสักที หรือ ต้องการที่จะทำอันดับเว็บไซต์ให้สูงขึ้นกว่าเดิม หากต้องการทีม SEO คุณภาพมาช่วย Optimize เว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม สามารถติดต่อ Predictive เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย และเรายินดีให้คำปรึกษาเบื้องต้นฟรี