A/B testing เป็นเครื่องมือที่ธุรกิจใช้เพื่อปรับปรุงเว็บไซต์และเพิ่มอัตราการแปลง (conversions) โดยการตัดสินใจจากข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ในหลากหลายอุตสาหกรรมและเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ในการปรับปรุงเว็บไซต์ คุณเคยสงสัยไหมว่า A/B testing สำคัญอย่างไร และเมื่อไหร่ควรเริ่มนำมาใช้? ในบทความนี้ เราจะมาดูกันว่า A/B testing จะช่วยธุรกิจของคุณได้อย่างไร พร้อมตัวอย่างจากอุตสาหกรรมที่ใช้ A/B testing แล้วประสบความสำเร็จจากการปรับปรุงเล็กๆ น้อยๆ
เลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
ทำไม A/B Testing ถึงสำคัญ?
A/B testing เป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการปรับปรุงเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเพื่อเพิ่มประสบการณ์ผู้ใช้และอัตราการแปลง (conversion rate) โดยการตัดสินใจจากข้อมูลที่ได้จากการทดสอบ
เมื่อไหร่ที่ควรพิจารณานำ A/B Testing มาใช้
A/B testing ควรใช้เมื่อธุรกิจต้องการปรับปรุงเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเพื่อเพิ่มประสบการณ์ผู้ใช้และอัตราการแปลง (conversion rate) โดยการตัดสินใจจากข้อมูลที่ได้จากการทดสอบ นี่คือลักษณะที่ควรเริ่มใช้ A/B testing จากตัวอย่างจริงตามแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ดังนี้:
- เมื่อประสบปัญหาประสบการณ์ผู้ใช้:
เมื่อมีผู้เยี่ยมชมจำนวนมาก เช่น 82% ของนักช้อปออนไลน์ที่ละทิ้งการซื้อเพราะประสบปัญหากับประสบการณ์ที่ไม่ดี A/B testing ช่วยค้นหาปัญหาที่เฉพาะ เช่น หน้าแสดงสินค้าที่ทำให้สับสน หรือข้อกำหนดการคืนสินค้าที่ไม่ชัดเจน - เมื่อพบปัญหาที่ชัดเจน:
A/B testing ใช้ได้เมื่อพบปัญหาบนเว็บไซต์ เช่น หากปุ่ม “Collect or Reserve” ไม่ทำงานดี การย้ายปุ่มนี้ไปด้านบนของหน้าอาจช่วยเพิ่มอัตราการแปลงได้ 19.7% - เมื่อจำเป็นต้องตัดสินใจจากข้อมูล:
แทนที่จะใช้การคาดเดา A/B testing ให้ข้อมูลเชิงปริมาณเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้ใช้ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล - เมื่ออยากได้การปรับปรุงทีละน้อย:
A/B testing ช่วยให้สามารถทดสอบการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยได้เร็ว ประมาณ 3-4 สัปดาห์ เทียบกับการปรับปรุงเว็บไซต์ขนาดใหญ่ที่ต้องใช้เวลาหลายเดือน การทดสอบเหล่านี้สามารถนำไปสู่การพัฒนาต่อเนื่อง โดยมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง เพราะประมาณ 50-60% ของ A/B testing สามารถเพิ่มรายได้ได้ - เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างลีด (Lead generation):
A/B testing เหมาะกับธุรกิจที่พึ่งพาการสร้างลีด - เมื่ออยากปรับตัวให้เข้ากับความชอบของผู้ใช้:
เนื่องจากความชอบของผู้ใช้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ A/B testing ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับปรุงและปรับแต่งเว็บไซต์เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงได้ - เป็นการทดสอบอย่างต่อเนื่อง:
A/B testing ควรเป็นการทดสอบที่ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ควรทำอย่างต่อเนื่องสำหรับธุรกิจที่ต้องการประสบความสำเร็จในตลาดที่มีการแข่งขัน การทดสอบและปรับปรุงอย่างต่อเนื่องช่วยให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในระยะยาว
วิธีการทำ A/B Testing
- ระบุจุดที่ต้องการปรับปรุง:
- ค้นหาจุดที่ประสบการณ์ผู้ใช้สามารถปรับปรุงได้ เช่น นโยบายการคืนสินค้าที่ไม่ชัดเจน, หน้าสินค้าที่สับสน, หรือกระบวนการชำระเงินที่ยุ่งยาก
- ตั้งสมมติฐาน:
- สร้างสมมติฐานว่าการเปลี่ยนแปลงใดจะส่งผลต่อพฤติกรรมผู้ใช้ เช่น การย้ายตำแหน่งปุ่ม CTA อาจเพิ่มอัตราการคลิก
- ดำเนินการทดสอบ:
- สร้างเวอร์ชันควบคุม (เวอร์ชันปัจจุบัน) และเวอร์ชันทดสอบ (เวอร์ชันที่มีการเปลี่ยนแปลง)
- วิเคราะห์ผลลัพธ์:
- ติดตามตัวชี้วัดประสิทธิภาพ (KPIs) เพื่อดูว่าการเปลี่ยนแปลงช่วยเพิ่ม Conversion หรือไม่ เช่น:
- ร้านค้าปลีก: อัตราการคลิก CTA, การเพิ่มสินค้าลงตะกร้า, การชำระเงิน
- บริการการเงิน: การกรอกแบบฟอร์ม, การส่งข้อมูลมือถือ, ลดต้นทุนการได้ลูกค้า
- ซอฟต์แวร์: การเข้าชมหน้าสร้างรายได้, การสมัครสมาชิก
- โทรคมนาคม: การต่ออายุสมาชิก, การกรอกแบบฟอร์ม, อัตราการคลิก CTA
- สื่อ: อัตราการคลิกแบบฟอร์ม, การสมัครรับข่าวสาร
- ติดตามตัวชี้วัดประสิทธิภาพ (KPIs) เพื่อดูว่าการเปลี่ยนแปลงช่วยเพิ่ม Conversion หรือไม่ เช่น:
- ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง:
- A/B Testing เป็นกระบวนการที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ให้ดีขึ้น
การทำ A/B Testing ช่วยยืนยันข้อสงสัยที่เรามีได้อย่างชัดเจน เช่น หากเราคิดว่าผู้ใช้ออกจากเว็บไซต์เพราะปุ่มนี้ แต่ไม่มั่นใจว่ามันเป็นสาเหตุจริงหรือไม่ การทำ A/B Testing จะช่วยตอบคำถามนี้ได้ เปรียบเสมือนกับการทำแบบสอบถามให้ลูกค้ามาตอบว่า พวกเขาชอบหรือไม่ชอบอะไรในร้านของเรา
ตัวอย่างความสำเร็จจาก A/B Testing: การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่สร้างผลลัพธ์ใหญ่ให้ธุรกิจ
ธุรกิจหลายแห่งในอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันได้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจจากการใช้ A/B Testing ด้วยการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ แต่มีกลยุทธ์ นี่คือตัวอย่างของธุรกิจที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีเกินคาดจากการทดสอบ A/B:
1. ร้านค้าปลีก
- schuh: การย้ายปุ่ม “Collect or Reserve” ไปไว้ด้านบนของหน้าสินค้า ช่วยเพิ่มอัตราการคลิก CTA ได้ 19.7%
- Cocohanee: การแสดงนโยบายการคืนสินค้าและค่าจัดส่งใต้ปุ่ม CTA หลัก ช่วยเพิ่มการคลิก “เพิ่มสินค้าลงตะกร้า” ได้ 16% และเพิ่มรายได้ 17%
- e5: การเพิ่มป็อปอัปยืนยันเมื่อผู้ใช้กด “เพิ่มสินค้าลงตะกร้า” ช่วยเพิ่มการชำระเงินในตะกร้าสินค้าได้ 19.39%
2. บริการการเงินและการประกันภัย (BFSI)
- ICICI Lombard: การให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับแผนประกันตั้งแต่แรก ช่วยเพิ่มการกรอกแบบฟอร์มได้ 30.09% และการส่งข้อมูลมือถือได้ 44.25%
- HDFC ERGO: การทำให้ช่อง “รายละเอียดรถส่วนตัวที่จดทะเบียน” ไม่บังคับกรอก พร้อมอัปเดตปุ่ม CTA และเพิ่มแบนเนอร์หลัก ช่วยลดต้นทุนการได้ลูกค้าได้ 47%
- Reassured: การใช้แบบฟอร์มหลายขั้นตอนแทนแบบฟอร์มหน้าเดียว ช่วยเพิ่มการกรอกแบบฟอร์มได้ 31.23%
3. ซอฟต์แวร์
- Micro Focus: การเพิ่มลิงก์ไปยังหน้าสินค้าที่เกี่ยวข้อง ช่วยเพิ่มการเข้าชมหน้าสร้างรายได้ได้ 124.13%
- TomTom: การใช้ข้อความใหม่ที่เน้นความยืดหยุ่น พร้อมการออกแบบที่เรียบง่ายและวิดีโอที่เด่นชัด ช่วยเพิ่มการสมัครทดลองใช้ฟรีได้ 5.7%
- Omnisend: การแปลเว็บเพจเป็นภาษาฝรั่งเศส ช่วยเพิ่มอัตราการสมัครสมาชิกได้ 35%
4. โทรคมนาคม
- Tele2: การเพิ่มตัวกรองแบรนด์ถัดจากตัวกรองทั่วไปบนหน้าสมาร์ทโฟน ช่วยเพิ่มการต่ออายุสมาชิกได้ 27%
- Nova Telecommunications & Media: การใช้ตัวกรองหลายระดับและการแสดงสินค้าแบบคารูเซล ช่วยเพิ่มการกรอกแบบฟอร์มได้ 20.45%
- Ben: การย้ายตำแหน่งสีโทรศัพท์ไปไว้ข้างภาพโทรศัพท์ และเพิ่มความยาวของแบบฟอร์มเลือกบริการ ช่วยเพิ่ม Conversion จากหน้าสินค้าได้ 17.63%
5. สื่อและบันเทิง
- Livesport: การออกแบบใหม่ของแบบฟอร์มยินยอมโฆษณาให้เด่นชัดขึ้น พร้อมพื้นหลังสีชมพู ช่วยเพิ่มอัตราการคลิก (CTR) ได้ 578%
- Warner Music Group: การใช้ข้อความ CTA แบบเฉพาะเจาะจงว่า “Book now” แทน “Subscribe” ช่วยเพิ่มอัตราการคลิก CTA จาก 14.0% เป็น 18.6%
- Travel Nevada: การขยายวิดเจ็ตสมัครรับข่าวสารอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้เลื่อนถึง 75% ของหน้า ช่วยเพิ่มการสมัครรับข่าวสารได้ 385%
ผลลัพธ์จากการทำ A/B Testing เพื่อการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่สร้างผลลัพธ์ใหญ่ให้ธุรกิจ
A/B Testing ช่วยให้ธุรกิจเห็นผลลัพธ์ที่สำคัญจากการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ได้ เมื่อนำมาใช้เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะทางและดำเนินการอย่างมีกลยุทธ์ นี่คือผลลัพธ์จากการทำ A/B Testingที่สามารถสร้างผลลัพธ์ใหญ่ได้:
1. แก้ไขปัญหาประสบการณ์ผู้ใช้ที่ไม่ดี
- 82% ของผู้ซื้อออนไลน์ยกเลิกการซื้อเนื่องจากประสบการณ์การใช้งานที่ไม่ดี
- A/B Testing ช่วยระบุและแก้ไขปัญหาเฉพาะ เช่น นโยบายการคืนสินค้าที่ไม่ชัดเจน หรือกระบวนการชำระเงินที่ยุ่งยาก
2. ปรับปรุงการมีส่วนร่วมของผู้ใช้
- การทดสอบการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ เช่น ตำแหน่งปุ่ม CTA, การแสดงข้อมูล, หรือรูปแบบแบบฟอร์ม ช่วยให้ธุรกิจเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงใดส่งผลให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมมากขึ้น
- ตัวอย่าง: การย้ายปุ่ม “Collect or Reserve” ไปไว้ด้านบนของหน้าสินค้า ช่วยเพิ่มอัตราการคลิก CTA ได้ 19.7% สำหรับ schuh
3. ตัดสินใจด้วยข้อมูล
- A/B Testing ให้ข้อมูลเชิงปริมาณเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้ใช้ ช่วยให้ธุรกิจตัดสินใจได้อย่างมีหลักฐาน
- ตัวอย่าง: e5 เพิ่มอัตราการชำระเงินในตะกร้าสินค้าได้ 19.39% โดยการเพิ่มป็อปอัปยืนยันเมื่อผู้ใช้กด “เพิ่มสินค้าลงตะกร้า”
4. ปรับปรุงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
- A/B Testing ช่วยให้ทดสอบการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ได้อย่างรวดเร็ว (ประมาณ 3-4 สัปดาห์) แทนที่จะต้องรอการออกแบบเว็บไซต์ใหม่ที่อาจใช้เวลา 3-6 เดือน
5. ประหยัดค่าใช้จ่าย
- A/B Testing สามารถเริ่มต้นได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และช่วยหลีกเลี่ยงการออกแบบเว็บไซต์ใหม่ที่แพงและใช้เวลานาน
- 50-60% ของการทดสอบ A/B ช่วยเพิ่มรายได้
6. ปรับตัวตามความต้องการของผู้ใช้
- ความต้องการของผู้ใช้เปลี่ยนแปลงบ่อย A/B Testing ช่วยให้ธุรกิจปรับตัวได้ทัน และไม่ตกเทรนด์
7. กระบวนการที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง
- A/B Testing ไม่ควรเป็นแค่การทดสอบครั้งเดียว แต่ควรเป็นกระบวนการที่ทำอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จในระยะยาว
A/B Testing เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับธุรกิจในการสร้างผลลัพธ์ใหญ่จากการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ด้วยการมุ่งเน้นที่ประสบการณ์ผู้ใช้และการตัดสินใจด้วยข้อมูล ธุรกิจสามารถปรับปรุงเว็บไซต์ เพิ่ม Conversion และบรรลุเป้าหมายการเติบโตได้
คุณเคยลองใช้ A/B Testing เพื่อปรับปรุงหรือแก้ไขปัญหาบนเว็บไซต์ของคุณไหม? ผลลัพธ์ที่ได้เป็นยังไงบ้าง? มาแชร์ประสบการณ์กัน !
ข้อมูลอ้างอิง https://vwo.com/ebooks/small-tests-big-wins/
ถ้ายังไม่เคยลองหรือไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน ลองปรึกษาทีมงาน Predictive ได้เลยคะ เรายินดีให้คำแนะนำเบื้องต้นที่เหมาะสมกับธุรกิจและปัญหาที่คุณกำลังเผชิญอยู่
📋 แบบฟอร์มด้านล่าง หรือ
📞โทร. 02-096-6362 กด 2 เพื่อติดต่อฝ่ายขาย
📱 Line: @predictive (มี @ ด้วยนะคะ)
✉️ Email : marketing@predictive.co.th
How we can help
Fill out the form below to discuss your needs or learn more about our services
"*" indicates required fields