SEO จะได้ผลไวแค่ไหน ขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไรบ้าง

SEO จะได้ผลไวแค่ไหน ขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไรบ้าง ?

ทำ SEO ใช้เวลานานไหม เมื่อไหร่เว็บไซต์จะติดอันดับหน้าแรก ควรตั้ง Goal และ KPIs อย่างไร เพราะอะไรทำ SEO ไปแล้วยังไม่เห็นผลสักที

วงการ Digital Marketing ย่อมรู้ดีว่าการทำ SEO คือหนึ่งวิธีสำคัญที่ช่วยทำให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากขึ้น ดึงดูดยอดเข้าชมเว็บไซต์ที่เป็นออร์แกนิคโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการยิงโฆษณา นี่จึงเป็นเหตุผลให้หลายธุรกิจทั้งเล็กและใหญ่หันมาให้ความสนใจกับการปรับปรุงคุณภาพเว็บไซต์ให้ติดอันดับหน้าแรกบน Google ด้วยขั้นตอนการทำ SEO นั่นเอง แต่คำถามที่เกิดขึ้นตามมาคือต้องใช้เวลาเท่าไหร่กันนะกว่าการลงทุนทำ SEO จะเกิดผลสำเร็จน่าพึงพอใจ

ผลลัพธ์แบบไหน แปลว่าทำ SEO มาถูกทาง

การจะสรุปได้ว่า SEO ที่ทำอยู่ประสบความสำเร็จหรือไม่ต้องอาศัยทั้งการตั้ง Goal และ KPIs ที่ชัดเจน หลายธุรกิจย่อมมีโจทย์อยู่แล้วในใจ ไม่ว่าจะต้องการอันดับเว็บไซต์ที่สูงขึ้นหรือเพื่อให้มียอดคนคลิกเข้ามาเว็บไซต์เพิ่มมากขึ้น เหล่านี้คือการสร้าง Search Visibility หัวใจสำคัญที่ทำให้เว็บไซต์เป็นที่รู้จัก ซึ่งเป็นมาตรวัดบน Google Search Consoleที่จะช่วยบอกว่าการทำ SEO ในปัจจุบันมีประสิทธิภาพดีพอแล้วหรือไม่ ประกอบไปด้วย

  • Search Impression คือ มาตรวัดการมองเห็นที่บอกว่าหน้าเว็บของเราผ่านสู่สายตาผู้คนรวมเป็นกี่จำนวนครั้ง 
  • Clicks คือ มาตรวัดความตอบโจทย์ของเนื้อหาว่าสามารถดึงดูดให้ผู้คนคลิกเข้ามาได้มากน้อยเพียงใด
  • Clicks-through rate (CTR) คือ อัตราการคลิกเข้ามายังหน้าเว็บ หลังจากเห็นเว็บไซต์แล้วทำให้เกิดคลิกเป็นจำนวนเท่าไหร่
  • Position คือ อันดับเว็บไซต์โดยประมาณว่าปรากฏอยู่หน้าไหนบน Search Result

ทำ SEO ใช้เวลานานไหม เมื่อไหร่จะติดอันดับหน้าแรก

การจะมีเว็บไซต์ปรากฏอยู่บนหน้าแรก Google ได้นั้นมีอยู่ 2 หนทางคือ การซื้อโฆษณาและการทำ SEO ซึ่งคำถามที่มักเกิดขึ้นเสมอเมื่อทำ SEO คือต้องใช้เวลานานแค่ไหนถึงจะเห็นผลความเปลี่ยนแปลง เมื่อไหร่ยอดเข้าชมเว็บไซต์จะเพิ่มขึ้น ทำ SEO กี่เดือนเว็บไซต์ถึงจะติดหน้าแรก ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไรบ้าง มาหาคำตอบไปพร้อมกันเลย 

  1. Website Quality คุณภาพเว็บไซต์ดีพอหรือยัง

Google ย่อมให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่มีคุณภาพมากกว่าเพื่อให้ผู้ใช้พึงพอใจกับการใช้งาน Google ต่อไป เว็บไซต์ที่ปรับปรุงเรื่องของ User Experience ให้น่าพึงพอใจ มีการวางโครงสร้างคอนเทนต์ที่ดี เว็บไซต์โหลดไว ตอบรับกับการใช้งานบนมือถือได้อย่างดี ย่อมได้คะแนนจาก Google มากกว่า

  1. Competition การแข่งขันสูงแค่ไหน

แน่นอนว่าหากคู่แข่งในตลาดมีน้อย การที่เว็บไซต์จะเข้าไปแย่งชิงพื้นที่ออนไลน์ย่อมมีโอกาสชนะในระยะเวลาที่สั้นกว่า ในทางตรงกันข้ามหากในตลาดนั้นมีผู้แข่งขันอยู่มาก Keyword ที่อยากให้ติดอันดับเป็นคำที่ทุกธุรกิจต่างก็ต้องการ (Keyword Difficulty) การทำ SEO เพื่อแข่งขันในสนามลักษณะนี้ก็ย่อมอาศัยระยะเวลาที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน หนึ่งวิธีที่จะมีชัยเหนือคู่แข่งได้ก็ด้วยการทำ SEO Competitor Analysis เพื่อเข้าใจสถานการณ์การแข่งขัน รู้ว่าคีย์เวิร์ดไหนที่ควรโฟกัส จะช่วยให้ธุรกิจสามารถดำเนินการเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพให้เหนือกว่าและมีโอกาสในการติดอันดับที่สูงกว่า

  1. SEO Strategy กลยุทธ์การทำ SEO เป็นอย่างไร 

การวางแผนที่ดีย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง กลยุทธ์การทำ SEO ที่เริ่มต้นอย่างแข็งแรง มีการวิเคราะห์อย่างเป็นขั้นตอนย่อมทำให้สามารถปั้นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพและสามารถแก้ไขข้อบกพร่องที่ส่งผลต่อศักยภาพของเว็บไซต์ได้อย่างตรงจุด สู่การวัดผลเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีกว่าได้อย่างแท้จริง การมีกลยุทธ์ทำ SEO ที่เฉพาะเจาะจงกับแบรนด์ตัวเองจึงเป็นคำตอบที่ดีกว่าและสร้างโอกาสให้ธุรกิจพุ่งทะยานสู่ความสำเร็จได้ดังหวัง และหลีกเลี่ยงกับดักเมื่อธุรกิจเลียนแบบกลยุทธ์จากเจ้าอื่นมาใช้

อ้างอิงจากGoogle หากจะให้บอกเป็นตัวเลขแน่ชัด การทำ SEO ควรจะเห็นผลความเปลี่ยนแปลงในช่วงเวลา 4 เดือนเป็นต้นไป โดยต้องไม่ลืมว่าการปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์นั้นไม่ต่างกับการดูแลสุขภาพร่างกาย แม้ว่าวันนี้จะแข็งแรงไร้โรคภัยแต่ใช่ว่าจะไม่เสื่อมถอยตามกาลเวลา ความสม่ำเสมอจึงเป็นหัวใจสำคัญของการทำ SEO ให้เป็นผลสำเร็จ แน่นอนว่าที่ Predictive เรามี บริการทำ SEO โดยทีมงานคุณภาพพร้อมซัพพอร์ตทุกก้าวย่างของการผลักดันเว็บไซต์ให้เป็นที่รู้จักและดึงดูดกลุ่มเป้าหมายมาสู่ธุรกิจของคุณ การทำงานของทีม SEO ที่พรีดิกทีฟจะครอบคลุมตั้งแต่

  • Strategy & Keyword Planning โดยการวางกลยุทธ์การทำ SEO ตั้งแต่แรกเริ่มเพื่อให้ธุรกิจของคุณไปถึงฝั่งฝันด้วยแผนการทำ SEO ที่ customized มาเพื่อธุรกิจของคุณโดยเฉพาะพร้อมด้วยการวิเคราะห์ Keyword ด้วย Keyword Research รวมทั้งการทำ SEO Audit และ Competitive Analysis เพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถลำดับความสำคัญและดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • On-Page Optimization ตั้งแต่การ Audit Site Structure จัดทำ Template Guideline เพื่อวางแนวทางการทำ SEO ไปจนถึง SEO On-Page Optimization
  • Content Scope การผลิตคอนเทนต์คุณภาพเล่าถึง Brand Narrative เพื่อเพิ่ม Search Visibility ให้กับเว็บไซต์ของคุณ
  • On-Page Improvement Implementations จัดทำ Template Guideline เพื่อให้การทำ SEO เกิดผลสำเร็จ
  • Off-Page Planning & Analysis ตรวจสอบคุณภาพและประสิทธิภาพการทำ Backlinks วิเคราะห์คู่แข่งเพื่อให้ธุรกิจของคุณอยู่เหนือกว่า รวมถึงวางแผนการทำ Backlinks ในอนาคต
  • Monitoring, Analysis, & Reporting การติดตามผลการทำ SEO อย่างต่อเนื่อง วิเคราะห์สถานการณ์และผลลัพธ์การทำ SEO พร้อมรายงานผลสรุปเพื่อให้ธุรกิจของคุณเห็นภาพรวมทั้งหมดและสามารถ

ใครที่กำลังหนักใจกับ Organic Traffic ที่ไม่เพิ่มขึ้นสักที หรือ ต้องการที่จะทำอันดับเว็บไซต์ให้สูงขึ้นกว่าเดิม หากต้องการทีม SEO คุณภาพมาช่วย Optimize เว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม สามารถติดต่อ Predictive เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย และเรายินดีให้คำปรึกษาเบื้องต้นฟรี