กลยุทธ์ การทำ SEO ที่เฉพาะเจาะจงกับแบรนด์ตัวเองเป็นคำตอบที่ดีกว่าเพื่อสร้างโอกาสให้ธุรกิจพุ่งทะยานสู่ความสำเร็จได้ดังหวัง
“Successful people follow successful pattern” อาจไม่จริงเสมอไปสำหรับการทำ SEO เพราะเป้าหมายแท้จริงของการทำ SEO เป็นส่วนหนึ่งของการทำ Digital Marketing ที่มุ่งเน้นซึ่งการนำเสนอจุดเด่นความเป็นแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพเว็บไซต์ให้ถูกมองเห็นมากขึ้นเมื่อค้นหาบน Search Engines (อย่างเช่น Google)
การทำ SEO คือ กระบวนการสำคัญที่ทำหน้าที่เป็นสื่อกลางช่วยนำพากลุ่มเป้าหมายมายังเว็บไซต์และสื่อสารกับอัลกอริทึมของ Search Engines นั้นๆ ให้นำเสนอเว็บไซต์ของเราในอันดับที่สูงขึ้น เพราะแบบนี้เองการเลียนแบบกลยุทธ์จากเจ้าอื่นมาใช้กับธุรกิจของตัวเองจึงไม่ต่างจากการวิ่งตามรอยเท้าของคู่แข่ง และแพทเทิร์นที่ได้ผลกับธุรกิจอื่นอาจพาธุรกิจของเราเองเดินไปผิดทาง ลองมาดูกันดีกว่าทำไมการมีกลยุทธ์ทำ SEO ที่เฉพาะเจาะจงกับแบรนด์ตัวเองจึงเป็นคำตอบที่ดีกว่าและสร้างโอกาสให้ธุรกิจพุ่งทะยานสู่ความสำเร็จได้ดังหวัง
เลือกอ่านหัวข้อที่คุณสนใจ
กลยุทธ์การทำ SEO ที่แท้จริงคืออะไร
การเริ่มต้นทำ SEO ที่ดีควรเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจกับสถานการณ์ปัจจุบันของเว็บไซต์ผ่านมาตรวัดต่างๆ เช่น อัตราการเข้าชมเว็บไซต์ จำนวน Traffic และ Session ที่เกิดขึ้น หรือ ช่องทางใดบ้างที่นำพาผู้คนมายังเว็บไซต์ นอกจากนี้ เจ้าของเว็บไซต์ควรรู้ถึงสุขภาพโดยรวมของเว็บตัวเองเป็นอย่างดีว่ามีส่วนไหนที่กำลังส่งผลเสียต่อประสบการณ์ใช้งาน เช่น มีจำนวนหน้าเว็บมากน้อยแค่ไหนที่เป็น 404 not found หรือมีปัญหาเรื่อง Response Code อย่างไรบ้าง
ทั้งหมดนี้ต้องอาศัยการวิเคราะห์อย่างเป็นขั้นตอนเพื่อให้สามารถปั้นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพและสามารถแก้ไขข้อบกพร่องที่ส่งผลต่อศักยภาพของเว็บไซต์ได้อย่างตรงจุด สู่การวัดผลเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีกว่าได้อย่างแท้จริง
5 เหตุผลว่าทำไมใช้กลยุทธ์การทำ SEO ตามเจ้าอื่นอาจไม่เวิร์คอย่างที่คิด
1. นำเสนอจุดแข็งของธุรกิจได้ไม่เต็มศักยภาพ
ไม่ว่าจะธุรกิจไหนต่างก็มีจุดแข็งเป็นไพ่ใบสำคัญที่ต้องยึดถือไว้เพื่อนำพาธุรกิจไปสู่เป้าหมายที่ตั้งใจและยืนอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่า การทำ SEO ตามอย่างธุรกิจอื่นจึงไม่ต่างจากการละเลยจุดเด่นที่เข้มแข็งของธุรกิจไปเสียเฉยๆ ท้ายที่สุดก็กลายเป็นธุรกิจหนึ่งที่ไม่มีใครจดจำ ดังนั้นแล้ว การมีกลยุทธ์ SEO ที่เป็นสูตรลับเฉพาะตัวจึงเปรียบเสมือนการขัดเกลาของดีที่มีให้เงาวับ และนำมาเสนอต่อผู้ชมได้อย่างตรงกลุ่มและมีประสิทธิภาพ เช่น การนิยามหน้า Landing Page ที่สำคัญและหาให้ได้ว่ามี Keywords ใดบ้างที่นำพาผู้ชมมายังเว็บไซต์ของเรา คีย์เวิร์ดเหล่านั้นมีผู้คนหาจริงๆ เท่าไหร่ และเรากำลังยืนอยู่จุดไหนในสนาม เหล่านี้เป็นขั้นตอนการทำ SEO ที่ช่วยให้ทุกธุรกิจมองเห็นภาพรวมและจุดแข็งของตัวเองได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
2. เข้าไม่ถึงกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง
SEO เป็นกระบวนการที่ขับเคลื่อนด้วย Data และอย่างที่เรารู้กันดีว่า Data คือ ขุมทรัพย์ท่ียิ่งใหญ่ของทุกธุรกิจ ยิ่งยวดไปกว่านั้นดาต้าคือกุญแจสำคัญที่จะไขไปยังผลลัพธ์ความสำเร็จ การไม่มีแนวทางทำ SEO เป็นของตัวเองจึงเท่ากับการแช่แข็งทรัพยากรสำคัญให้แน่นิ่งโดยไม่นำมาใช้ให้เกิดผลงอกเงย ทั้งการพยายามทำตามเจ้าอื่นยังทำให้ธุรกิจขาดความเป็นออริจินัลจนหากลุ่มเป้าหมายของตัวเองไม่เจอ ในทางกลับกัน การดำเนินธุรกิจด้วยแผนการทำ SEO เฉพาะตัวย่อมเป็นการเข้าไปทำงานกับข้อมูลที่มีโดยตรงและมองเห็นถึงแก่นแท้ของธุรกิจ หากมองข้ามจุดนี้ไปคงเป็นเรื่องยากขึ้นที่ธุรกิจจะส่งมอบตัวตนที่แท้จริงไปยังกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง แน่นอนว่าหนึ่งในความสำเร็จของการทำ SEO คือการเพิ่ม Search Visibility ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกลุ่มเป้าหมายสามารถค้นเจอเว็บไซต์ของเราผ่านสิ่งที่สนใจได้ในทันที
3.มีปัญหาที่ถูกละเลย และไม่ได้รับการแก้ไข
การทำ SEO เป็นทั้งการพัฒนาสิ่งดีและการซ่อมแซมสิ่งชำรุดที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ไปพร้อมกัน และไม่ว่าธุรกิจใดก็คงไม่อาจก้าวเดินได้อย่างมั่นคงนักหากปัญหาที่ต้องแก้ไขยังอยู่ขวางเส้นทางการเติบโต การกลับมาจี้จุดบกพร่องและมองเห็นปัญหาที่เกิดขึ้นย่อมเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าให้สามารถประเมินได้ว่าผลกระทบทั้งหมดส่งผลอย่างไรบ้างต่อเว็บไซต์ ทั้งยังช่วยตอบคำถามที่ว่า ทำไมทำ SEO ไปเท่าไหร่ก็ยังไม่เห็นเส้นชัยที่วาดไว้เสียที เพราะด้วยเว็บไซต์ที่มีการ Optimize โดยการทำ SEO ที่เจาะลึกถึงต้นต่อของปัญหาที่แท้จริงและแก้ไขอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจได้ว่าผู้ใช้ทุกคนจะได้รับประสบการณ์ที่ดีกลับไป ย่อมมีโอกาสที่ Google จะเลือกขึ้นมานำเสนอแก่ผู้ใช้และขึ้นสู่อันดับที่ดีกว่า มี Organic Traffic ที่หลั่งไหลมาอย่างต่อเนื่อง
AI Google Search รู้ได้ยังไงว่าเว็บไซต์ไหนควรอยู่อันดับ 1 ?
4.ไม่เข้าใจโปรดักส์ของตัวเองอย่างที่เป็น
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเนื้อหาคอนเทนต์ที่มีอยู่บนเว็บไซต์คือหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยดึงดูดผู้ใช้ให้ค้นเจอธุรกิจของเรา ทว่าการเลียนแบบกลยุทธ์การทำ SEO จากเจ้าอื่นมาใช้ เช่น มีเนื้อหาที่คล้ายเคียงกัน โฟกัสคีย์เวิร์ดทุกคำตามแบบคู่แข่ง มีโครงสร้างเว็บไซต์ หรือ Navigation Structure เหมือนๆ กัน ไม่ว่าแนวทางที่อีกฝ่ายทำไว้จะมีผลสำเร็จที่ดีจริงหรือไม่ การเลียนแบบมาใช้กับเว็บไซต์ตัวเองอาจส่งผลเสียมากกว่าผลดีเพราะแปลว่าธุรกิจไม่ได้นำเสนอโปรดักส์ตัวเองได้อย่างโดดเด่นตามที่ควรจะเป็น ทั้งยังทำให้โปรดักส์บนเว็บไซต์ไม่สามารถดึงดูดผู้ใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และลดโอกาสที่เว็บไซต์จะขึ้นมาอยู่บนหน้าแรก
5.การวัดผลประสิทธิภาพผิดเพี้ยนไปจากเป้าหมายที่ตั้งไว้
เป้าหมายของการทำ SEO อย่างยั่งยืนมีมากกว่าการพยายามแซงหน้าคู่แข่งด้วยอันดับที่สูงกว่า เพราะการโฟกัสกับอันดับของคู่แข่งเพียงอย่างเดียวยิ่งทำให้ธุรกิจมีกลยุทธ์ที่ biased และหลงทางไปจากเป้าหมายที่ตั้งใจไว้ การอยู่อันดับหนึ่งในหน้าแรกจึงเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งของการทำ SEO เท่านั้น โดยเฉพาะเมื่อ SEO คือการทำการตลาดแบบออร์แกนิคที่ธุรกิจไม่ต้องเสียงบโฆษณาแม้แต่บาทเดียว นิยามความสำเร็จที่ควรมุ่งหวังของแต่ละธุรกิจจึงแตกต่างกัน เช่น มียอด Conversion ที่เพิ่มขึ้นหรือมียอด Lead ที่เข้ามามากขึ้น รวมถึงยอด Organic Traffic ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอเช่นเดียวกัน
แน่นอนว่าที่ Predictive เรามีบริการทำ SEO โดยทีมงานคุณภาพพร้อมซัพพอร์ตทุกก้าวย่างของการผลักดันเว็บไซต์ให้เป็นที่รู้จักและดึงดูดกลุ่มเป้าหมายมาสู่ธุรกิจของคุณ การทำงานของทีม SEO ที่พรีดิกทีฟจะครอบคลุมตั้งแต่
- Strategy & Keyword Planning โดยการวางกลยุทธ์การทำ SEO ตั้งแต่แรกเริ่มเพื่อให้ธุรกิจของคุณไปถึงฝั่งฝันด้วยแผนการทำ SEO ที่ customized มาเพื่อธุรกิจของคุณโดยเฉพาะพร้อมด้วยการวิเคราะห์ Keyword ด้วย Keyword Research รวมทั้งการทำ SEO Audit และ Competitive Analysis เพื่อให้ธุรกิจของคุณสามารถลำดับความสำคัญการดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- On-Page Optimization ตั้งแต่การ Audit Site Structure จัดทำ Template Guideline เพื่อวางแนวทางการทำ SEO ไปจนถึง SEO On-Page Optimization
- Content Scope การผลิตคอนเทนต์คุณภาพเล่าถึง Brand Narrative เพื่อเพิ่ม Search Visibility ให้กับเว็บไซต์ของคุณ
- On-Page Improvement Implementations จัดทำ Template Guideline เพื่อให้การทำ SEO เกิดผลสำเร็จ
- Off-Page Planning & Analysis ตรวจสอบคุณภาพและประสิทธิภาพการทำ Backlinks วิเคราะห์คู่แข่งเพื่อให้ธุรกิจของคุณอยู่เหนือกว่า รวมถึงวางแผนการทำ Backlinks ในอนาคต
- Monitoring, Analysis, & Reporting การติดตามผลการทำ SEO อย่างต่อเนื่อง วิเคราะห์สถานการณ์และผลลัพธ์การทำ SEO พร้อมรายงานผลสรุปเพื่อให้ธุรกิจของคุณเห็นภาพรวมทั้งหมดและสามารถ
ใครที่กำลังหนักใจกับ Organic Traffic ที่ไม่เพิ่มขึ้นสักที หรือ ต้องการที่จะทำอันดับเว็บไซต์ให้สูงขึ้นกว่าเดิม หากต้องการทีม SEO คุณภาพมาช่วย Optimize เว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพกว่าเดิม สามารถติดต่อ Predictive เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้เลย และเรายินดีให้คำปรึกษาเบื้องต้นฟรี