Consent Mode เครื่องมือที่จะมาช่วยในการเก็บ Data เพื่อรองรับกฏหมาย PDPA

ถ้าลูกค้าไม่ให้ consent เราทำอะไรได้บ้างเพื่อให้ได้ Data ที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจ สาเหตุมากจากการวัดผลประสิทธิภาพของแคมเปญที่กำลังจะเปลี่ยนไปจากการที่มีกฏหมาย PDPA (Personal Data Protection Act) มาใช้ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับการเก็บ Cookie Consent เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน เป็นความท้าทายที่นักการตลาดทุกคนจากทั่วโลกต้องเผชิญหน้าในตอนนี้ 

จากผลการสำรวจโดย Google พบว่านักการตลาดกำลังรับมือกับจำนวน Conversion Rate ที่ลดลงอย่างมหาศาล เนื่องจากการที่เราไม่สามารถเก็บข้อมูล Conversion ได้เพราะนั่นเป็นส่วนหนึ่งของ “ข้อมูลส่วนบุคคล” ซึ่งส่งผลต่อการวัดผลประสิทธิภาพของการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดเป็นอย่างมาก

วันนี้เรามีฟีเจอร์ใหม่มาแนะนำให้ทุกคนติดตั้ง เพื่อลดการเกิดปัญหาการวัดผลที่มีความแม่นยำลดต่ำลงจากการที่ผู้ใช้งานไม่กด “Accept Cookie” นั่นก็คือ “Consent Mode Modeling” ที่จะช่วยให้ Tags ต่างๆ ของ Google ทำงานตาม User Consent เช่น ถ้า User ไม่ accept cookie ของ Google Ads แล้ว Tags ดังกล่าวก็ไม่สามารถทำงานได้ หรือถ้า User ยอมรับเพียงบางอย่าง เฉพาะ Tag ที่มีการ accept ก็จะสามารถทำงานได้เท่านั้น แต่ถึงแม้ User จะไม่ Accept Cookie อะไรเลยก็ตาม ก็ไม่ใช่ว่า Tags จะไม่ทำงานเลย เพราะข้อมูลบางอย่างจะสามารถเก็บได้ในลักษณะที่ไม่ระบุตัวตน โดยระบบจะเก็บข้อมูลและรายงานออกไปเป็นค่าประมาณ (Estimated) ซึ่งแปลว่าเรายังคงอยู่ในกรอบของ User Privacy อยู่

Consent Mode Modeling คือ การใช้ AI (Machine Learning) ในการเรียนรู้ Behavior และ Conversion จาก Users ที่ให้ Consent กับเว็บไซต์ หรือ แอพพลิเคชัน แล้วทำนายผลออกมาตามค่าเฉลี่ยจาก Users ทั้งหมดที่เข้ามาและกด “Accept Cookie”  ซึ่งจะประกอบไปด้วย 2 Model ด้วยกัน

  1. Behavioral Modeling
    Model ที่ใช้ในการเรียนรู้พฤติกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นของ Users บนหน้าเว็บไซต์ หรือ แอพพลิเคชันโดยรวม ยกตัวอย่างเช่น เราสามารถรู้ได้ว่าคนส่วนใหญ่เข้าหน้านี้แล้ว drop off ไป 80% เพราะ เนื้อหาในหน้านั้นไม่ตรงกับกลุ่มผู้ใช้ที่เข้ามาดู หรือ สาเหตุที่ไม่มีคน Scroll มาด้านล่างเว็บไซต์เลยอาจเป็นเพราะ User Experience ที่ไม่ User Friendly หรือ เว็บไซต์มีตัวอักษรเยอะเกินไปจนดูรก
  1. Conversion Modeling
    การใช้ Machine Learning เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มที่ระบบสามารถตรวจจับได้มาหาจุดเชื่อมต่อระหว่างทางที่ทำให้เกิด Conversion จากผู้เข้าใช้เว็บไซต์ กับการยินยอมให้ใช้คุกกี้ ระบบจะสังเกตการใช้งานบนหน้าเว็บของผู้ใช้งานที่ได้กดยินยอมไปก่อนหน้า และหาค่าเฉลี่ยของพฤติกรรมนั้นออกมา ทีนี้เมื่อมีผู้ใช้งานใหม่ที่ไม่ได้กดยอมรับคุกกี้เข้ามาที่หน้าเรา จากเดิมเราจะไม่รู้เลยว่าคนๆนั้นได้เข้ามาที่หน้าเว็บของเรา ตอนนี้เราสามารถรู้ได้แล้วว่าเขาเข้ามา และข้อมูลการท่องเว็บของผู้ใช้งานนิรนามนี้จะถูกเติมด้วยค่าเฉลี่ยที่ระบบคำนวนมาได้เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการประเมินผลการทำโฆษณาหรือแคมเปญต่างๆที่เราได้ปล่อยออกไป ในขณะที่เราก็ไม่ลืมที่จะเคารพตัวเลือกการยินยอมคุกกี้ของผู้ใช้


สมมติถ้าเกิด Conversion ในความเป็นจริง 10 คน แต่มีผู้ใช้กด Consent เพียง 5 คน AI ก็จะเดาว่าโดยเฉลี่ยแล้วทั้ง 10 คนนี้เกิด Conversion หรือ Drop lead จาก Attribute อะไรบ้าง ยกตัวอย่างเช่น คนที่มีการกดดูรูปภาพบนหน้าเว็บไซต์ เข้าเว็บไซต์ 3 นาทีขึ้นไป หรือมี 10 Pageview ขึ้นไป จะมีแนวโน้มทำให้เกิด Conversion

ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงนั้น เมื่อมีผู้ใช้งานเข้ามาที่หน้าเว็บไซต์ 

  • หากผู้ใช้งานให้ความยินยอม รายงานการวัดผล Conversion จะยังคงดำเนินการตามปกติ
  • หากผู้ใช้งานไม่ให้ความยินยอม Google Tags ที่เกี่ยวข้องจะปรับตัวให้สอดคล้อง โดยจะไม่ใช้ Ads Cookies และวัดผล Conversion จากการสร้างแบบจำลองพฤติกรรมของผู้ใช้งานรายนั้น โดยอ้างอิงจากค่าเฉลี่ยพฤติกรรมของผู้ใช้งานคนอื่นๆที่ได้กดยอมรับคุกกี้ไว้ก่อนหน้า 

จากเรื่องราวที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ทาง Predictive อยากจะให้ทุกๆบริษัทเห็นว่า Consent Mode นั้นสำคัญมากจริงๆในยุคที่ User Privacy ต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะนอกจากจะช่วยในเรื่องของ Google Ads แล้ว ยังจะช่วยให้การเก็บข้อมูลใน Google Analytics มีความแม่นยำมากขึ้นด้วย เพราะถ้าไม่มี Consent Mode แล้ว Traffic ใน Google Analytics จะหายไปค่อนข้างมากเลยทีเดียว และเรายินดีให้คำปรึกษาเบื้องต้นโดยไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถติดต่อเข้ามาได้เลย ผ่านช่องทางการติดต่อของ CookiePlus By Predictive หรือคลิ้กติดต่อ CookiePlus ด้านล่างได้เลยค่ะ